
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนจังหวัดอ่างทอง นำโดย พ.ต.ท.ประยูร ปัตตุลีบสว.ฯทนท.กก.สส.ภ.จว.อ่างทอง เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.หมายเลขบัตร ๕๔๒๐๘๕ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.อ่างทอง โดย ร.ท.ศราวุฒิ เพียวงษ์ หัวหน้าชุดรวบรวมข่าวฯ และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ โดย ร.ท.อลงกรณ์ จันทร์ลา หัวหน้าชุดปราบปรามยาแสพติดที่2 ได้ร่วมกันสืบสวนขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดก่อนหน้านี้ว่าได้ซื้อยาเสพติดมาจากนายพีระพร หรือแยะ หรือต้อม จีรัชการ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29ม.9ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง และน.ส.อำเพียร หรือโบว์ บัวจันทร์ อายุ 36ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/226ซ.คลองลำเจียก 10 ต.นวลจันทร์ อ.เขตบึงกุ่ม จ.กรุงเทพมหานคร ซึ่งบุคคลทั้งสองนี้เป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งบุคคลทั้งสองยังเคยต้องโทษคุมขังในเรือนจำจังหวัดอ่างทองในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาแล้วก่อนหน้านี้ ภายหลังเมื่อพ้นโทษออกมา ยังกลับมามีพฤติกรรมร่วมกันลักลอบจำหน่ายยาเสพติดอีก โดยจากการสืบสวนของเจ้าชุดจับกุมทราบว่าทุกครั้งที่มีลูกค้าสั่งซื้อยาเสพติดนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯจะใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 5856 ลพบุรี เป็นยานพาหนะร่วมกันนำยาเสพติดไปส่งมอบให้กับลูกค้าเป็นประจำ ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อ่างทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.อ่างทอง และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชุดปราบปรามยาแสพติดที่๒ จะได้ร่วมกันสืบสวน และติดตามพฤติกรรมของบุคคลทั้งสองดังกล่าว เพื่อจะได้จับกุมตัวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ต่อมาเวลาประมาณ 13.30น. ขณะที่เจ้าพนักงานฯชุดจับกุมกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบภายในเขตตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่อเป็นการป้องกัน ปราบปรามการก่ออาชญากรรม และการกระทำอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด อีกทั้งยังได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมในการร่วมกันลักลอบจำหน่ายยาเสพติดของนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งขณะนั้นได้มีสายลับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าขณะนี้นายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯนั้น มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก และกำลังจะนำยาเสพติดออกไปส่งให้กับลูกค้าตามสถานที่นัดหมาย จึงได้อาศัยอำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดนี้ สั่งการ พร้อมทั้งนำกำลังเจ้าพนักงานฯชุดจับกุมข้างต้น เดินทางไปยังบ้านของนายพีระพรฯในทันที เมื่อไปถึงพบน.ส.อำเพียรฯ นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน เจ้าพนักงานฯชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ประยูรฯจึงแสดงตัวเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหารให้น.ส.อำเพียรฯได้ทราบ ซึ่งในขณะนั้นน.ส.อำเพียรฯแสดงท่าทีมีพิรุธโดยพยายามใช้มือขวาวางทับไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้าทางขวามือตัวที่น.ส.อำเพียรฯนั้นสวมใส่อยู่ตลอดเวลา เจ้าพนักงานฯจึงแสดงความประสงค์ขอตรวจค้นตัวโดยให้น.ส.อำเพียรฯล้วงสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าดังกล่าวข้างต้นด้วยตนเอง ซึ่งน.ส.อำเพียรฯได้ยินยอมแต่โดยดี ผลปรากฏพบเป็นยาเสพติด(ของกลางรายการที่๑) จากนั้นได้สอบถาม น.ส.อำเพียรฯถึงนายพีระพรฯว่าอยู่ที่ใด น.ส.อำเพียรฯแจ้งว่าขณะนี้นายพีระพรฯนั้นอยู่ที่บ้านญาติของนายพีระพรฯเองซึ่งอยู่ ม.8 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง เมื่อทราบดังนั้นเจ้าพนักงานฯจึงรีบเดินทางไปยังบ้านญาติของนายพีระพรฯในทันที เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้เลขที่ 21ม.8 ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง และพบนายพีระพรฯซึ่งที่ตัวมีกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลสะพายอยู่ กำลังยืนอยู่ข้างรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 5856ลพบุรี ซึ่งจอดอยู่บริเวณข้างตัวบ้าน ซึ่งในขณะที่เจ้าพนักงานฯชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ประยูรฯ กำลังแสดงตัวเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหารให้นายพีระพรฯได้ทราบนั้น นายพีระพรฯได้พยายามที่จะวิ่งหลบหนี แต่ก็ถูกเจ้าพนักงานฯควบคุมตัวได้ จากนั้นได้ตรวจสอบภายในกระเป๋าสะพายข้างต้น พบยาเสพติด อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน (ของกลางรายการที่๒) ต่อมาได้นำตัวนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯมาตรวจค้นภายในรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กล 5856ลพบุรี ผลปรากฏว่าพบยาเสพติด และเครื่องชั่งน้ำหนักแบบดิจิตอล ซุกซ่อนอยู่ภายในรถฯ ต่อมาเจ้าพนักงานฯชุดจับกุมได้แสดงความประสงค์ขอตรวจค้นห้องนอนของนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ บ้านเลขที่ 29ม.9ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง) ซึ่งบุคคลทั้งสองได้ยินยอมแต่โดยดี และได้ร่วมกันเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในห้องนอนข้างต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จากการสอบถามนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯรับว่ายาเสพติดที่เจ้าพนักงานฯชุดจับกุมตรวจค้นได้จากตัวของนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ และจากรถยนต์ของพวกตนนั้น เป็นของพวกตนทั้งสองที่ได้ร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายจริง ส่วนอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนนั้นนายพีระพรฯรับว่าเป็นของตนเอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ นั้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และการกระทำของนายพีระพรฯนั้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนในความผิดฐาน “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ“นำพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” จากนั้นเจ้าพนักงานฯ ชุดจับกุม ได้ร่วมกันนำตัวนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ พร้อมด้วยของกลาง นำส่ง พงส.สภ.เมืองอ่างทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะจับกุมตัวนายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ ผู้ถูกจับกุม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่ายาเสพติด ที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจค้นได้จากที่ตัว และรถยนต์ของพวกตนทั้งสองนั้น เป็นของพวกตนที่มีไว้เพื่อร่วมกันจำหน่ายจริง ส่วนอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนนั้นนายพีระพรรับว่าเป็นของตนเอง ซึ่งยาเสพติดนี้ตนเองซื้อมาจากนายเค (ไม่ทราบชื่อ และนามสกุลจริง) โดยซื้อยาบ้ามาในราคามัดละ 3,500บาท ( 1มัดมียาบ้าจำนวน 2,000เม็ด ) ส่วนยาไอซ์ก็ติดต่อซื้อมาจากนายเค เช่นกัน ราคาขีดละ 16,000บาท ( 1000กรัม )หลังจากนั้นนำยาบ้ามาจำหน่ายปลีก ราคาถุงละ3,000บาท ( 200เม็ด ) ส่วนยาไอซ์ก็นำมาแบ่งบรรจุขายราคาถุงละ 300บาท ซึ่งนายพีระพรฯให้การว่าการที่ตนเองสามารถติดต่อซื้อขายยาเสพติดจากนายเคฯได้นั้น เนื่องจากมีนายขจรเดช หรือเดช ต้นแขม อายุ 31ปีอยู่บ้านเลขที่ 23/10 ถ.เทศบาล 10 ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง นั้นเป็นผู้ที่แนะให้ตนเองรู้จักกับนายเคฯโดยนำหมายเลขโทรศัพท์ของตนไปมอบให้กับนายเคฯ จากนั้นนายเคฯจึงได้เพิ่มบัญชีไลน์ของนายเคฯกับตนเองไว้เพื่อใช้ติดต่อในการซื้อขายยาเสพติดกัน ซึ่งนายพีระพรเชื่อว่า นายขจรเดชนั้นน่าจะรู้จักตัวตนของนายเคฯเป็นอย่างดี จึงได้ชี้ยืนยันตัวบุคคลตามภาพถ่ายทางทะเบียนราษฎร์ของนายขจรเดชฯไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

โดยตรวจยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน) ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบซองยาชนิดกดปิดเลื่อนเปิด จำนวน 2 ถุง แต่ละถุงมีไอซ์น้ำหนักไม่รวมถุงบรรจุอยู่ดังนี้ถุงที่ 1มีไอซ์บรรจุอยู่ 2.02กรัม ถุงที่ 2มีไอซ์บรรจุอยู่ 0.21กรัมรวมไอซ์ ๒ ถุงมีน้ำหนักไม่รวมถุงเท่ากับ 2.23กรัม แจ้งข้อกล่าวหาให้นายพีระพรฯ และน.ส.อำเพียรฯ ผู้ถูกจับกุมทราบว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” แจ้งข้อกล่าวหาให้นายพีระพรฯ ผู้ถูกจับกุมทราบว่า “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และทำการตรวจยึดทรัพย์สินได้แก่1.รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ HONDA รุ่น JAZZ สีขาว หมายเลขทะเบียน กล – 5856 ลพบุรี จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 300,000 บาท2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ KAWASAK! รุ่น KR สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลขตัวถัง KR150E-A71704จำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 100,000 บาท3.พระเนื้อดินเสี้ยมทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 องค์ น้ำหนักประมาณ 10.62 กรัม ราคาประมาณ10,000 บาท4.พระหลวงพ่อรวยเลี้ยมทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 องค์ น้ำหนักประมาณ 9.90 กรัม ราคาประมาณ10,000 บาท5.สร้อยคอทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 30.45 กรัม ราคาประมาณ 56,900 บาท6.แหวนทองฝังเพชร (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 1.48 กรัม ราคาประมาณ 5,0007.แหวนทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ จำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 1.91 กรัม ราคาประมาณ 4,000 บาท8แหวนทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 วง น้ำหนักประมาณ 3.42 กรัม ราคาประมาณ 7,100 บาท9.ตั่งหูทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 คู่ น้ำหนักประมาณ 1.95 กรัม ราคาประมาณ 4,000 บาท10.เลสข้อมือทอง (ลักษณะคล้ายทองคำ) จำนวน 1 เส้น น้ำหนักประมาณ 7.58 กรัม ราคาประมาณ
14,225บาท11.หมายเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (435-091087-8) ชื่อบัญชี นายพิชยพงษ์ จันทร์เหลือง มีเงินในบัญชีตรวจสอบจากแบงค์กิ้งมียอดเงินในบัญชี 38,271.95 บาท12.หมายเลขบัญชีธนาคารกสิกรไทย (072-2-27087-8) ชื่อบัญชี น.ส.อำเพียร บัวจันทร์ มีเงินในบัญชีตรวจสอบจากแบงค์กิ้งมียอดเงินในบัญชี 3,127.96 บาท13.หมายเลขบัญชีธนาคารกรุงเทพ (091-7-33680-2) ชื่อบัญชี น.ส.อำเพียร บัวจันทร์14.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ VVO สีดำ พร้อมชิมการ์ดหมายเลข 088-678-1203 จำนวน 1 เครื่อง เครือข่ายทรูมูฟราคาประมาณ 10,000 บาท15.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO สีดำ แบบสองซิมการ์ด พร้อมซิมการ์ดหมายเลข 091-766-3264 และหมายเลข096-709-8820 จำนวน 1 เครื่อง เครือข่ายทรูมูฟ ราคาประมาณ 10,000 บาท16.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ HUAWE! สีเทา พร้อมซิมการ์ดหมายเลข 099-009-5031 จำนวน 1 เครื่อง เครือข่ายเอไอเอส ราคาประมาณ 10,000 บาท17.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO สีเขียว พร้อมชิมการ์ดหมายเลข 080-817-1945 จำนวน 1 เครื่อง เครือข่ายเอไอเอส ราคาประมาณ 10,000 บาทบาท18.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ realme สีดำ พร้อมซิมการ์ดหมายเลข098-356-5131 จำนวน 1 เครื่อง เครือข่ายเอไอเอส ราคาประมาณ 10,000 บาทรวมมูลค่าทรัพย์สิน 602,624.92 บาท จากนั้นจึงนำตัวทั้ง 2 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หิรัญยวัต อธิวัฒน์เดชากร / อ่างทอง
Discussion about this post