วันที่ 14 กันยายน 2564 ที่จังหวัดนครพนม สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครพนม ได้เชิญคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน ภาคีเครือข่าย อาสาสมัครกระทรวงยุติธรรมและตัวแทนภาคประชาชน ร่วมแสดงความคิดเห็นอภิปรายมุมมองเชิงพื้นที่ที่มีต่อระบบและกลไกการเฝ้าระวังการกระทำผิดซ้ำในชุมชน ตามโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังการกระทำผิดซ้ำเพื่อความปลอดภัยในชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2554 ตลอดจนรับฟังแนวนโยบายและการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับบทบาทของกระทรวงยุติธรรม กับมาตรการสำคัญในการเฝ้าระวังการกระทำผิดซ้ำในชุมชน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม จากสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้มาเป็นประธานผ่านระบบออนไลน์จากส่วนกลาง และการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับมุมมองของผู้หญิงกับการเฝ้าระวังการกระทำผิดซ้ำจากปัญหาอาชญากรรมสะเทือนขวัญ จากนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรรม
โดยกิจกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่มีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำผิดซ้ำของผู้กระทำผิดความผิดกันที่ใช้ความรุนแรง ปัจจุบันได้ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และกำลังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับประชาชน หรือที่เรียกว่า jSOC ขึ้นมาทำหน้าที่ในการเฝ้าระวังและติดตามผู้พ้นโทษในคดีสะเทือนขวัญควบคู่กันไป

โดยที่ผ่านมาพบว่าผู้กระทำความผิดที่พ้นโทษในคดีสะเทือนขวัญไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำและประกอบอาชีพที่เป็นกิจจะลักษณะ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากแนวคิดที่ว่าหากชุมชนรู้ถึงอันตราย ในชุมชนจะไม่มีผู้ได้รับอันตรายเหมือนที่ปรากฎในต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมจึงได้แสวงหาวิธีการที่ได้ผลเพื่อกำหนดเป็นนโยบาย ที่จะเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมผู้กระทำผิดที่เคยกระทำผิดในลักษณะสำคัญสะเทือนขวัญ หรือมีความเสี่ยงที่จะทำผิดลักษณะสะเทือนขวัญ ด้วยการพักการลงโทษให้ผู้กระทำผิดออกมาปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับประชาชนในระยะหนึ่ง และมีมาตรการคุมความประพฤติ โดยนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวหรือที่เรียกว่า EM มาใช้เป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรม มีอาสาสมัครคุมประพฤติตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแล สงเคราะห์ และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับการพักโทษ ดังนั้นจึงได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทุกมิติอย่างรอบคอบ ทั้งภาคราชการ อาสาสมัคร ตลอดจนภาคประชาชน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างความเข้าใจ และนำข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้ ไปปรับปรุงนโยบายดังกล่าวให้มีความเหมาะสม ครบถ้วน รอบด้าน และมีความปลอดภัย สามารถนำไปใช้ปฏิบัติการได้จริง
ส่วนทางด้าน สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม บูรณาการหน่วยงาน รณรงค์ส่งเสริมการปลูก ‘ฟ้าทะลายโจร’ และพืชสมุนไพรอื่นต้านโควิด – 19 เน้นใช้ในครัวเรือน เสริมสร้างสุขภาพที่ดีในชุมชน โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดทำแปลงเรียนรู้ต้นแบบด้านสมุนไพร ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านหาดแพง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการปลูกพืชสมุนไพรในชุมชน
นางสาวกัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า จากนโยบายของ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ที่ต้องการให้ประชาชนและเกษตรในพื้นจังหวัดนครพนม ได้มีการปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ไว้บริโภคในครัวเรือนและใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคไวรัสโคโรนา 2019 และนอกจากนี้จะต้องมีการปลูกพืชสมุนไพรที่หลากหลายร่วมด้วย เช่น กระชายขาว ขิง ข่า ตะไคร้ เป็นต้น และให้มีการส่งเสริมพร้อมรณรงค์การปลูกพืชสมุนไพรในพื้นที่มากขึ้น โดยมีการจัดทำแปลงเรียนรู้ต้นแบบการปลูกพืชสมุนไพรในพื้นที่ชุมชน

สำหรับจังหวัดนครพนม มีการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และสมุนไพรอื่น เพื่อแปรรูปเป็นยาสามัญประจำบ้านไว้ใช้ในครัวเรือน สำหรับป้องกันและรักษาอาการติดเชื้อโควิด – 19 และเชื้อไข้หวัดอื่นๆ โดยมีสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม และสำนักงานเกษตรอำเภอ เป็นต้นน้ำ ส่งเสริมให้มีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรของอำเภอและเครือข่ายองค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เกษตรหมู่บ้านและเกษตรกร ปลูกฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่น ทุกครัวเรือน พร้อมให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นกลางน้ำและปลายน้ำ ในการแปรูปฟ้าทะลายโจรและสมุนอื่น ในรูปแบบต่างๆเพื่อใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านต่อไป.
Discussion about this post