
วันที่ 29 ตุลาคม 2564 จากเหตุการณ์ว่ามีชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งมีอาการป่วยด้วยอาการปวดท้องหนักเมื่อคืนวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่หลานสาวจะโทรขอความช่วยเหลือจาก สายฉุกเฉิน 1669 ถึง 7 ครั้ง แต่กลับไม่มีผู้รับสาย สุดท้ายเสียชีวิตลงนั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลอ่างทอง ว่าได้มีการตรวจสอบระบบ 1669 ในวิธีต่าง ๆ รวมไปถึงการทดสอบโทรศัพท์ยี่ห้อต่าง ๆ และเปลี่ยนระบบเครือข่ายมือถือในการทดสอบ ทำการทดสอบอยู่หลายครั้ง จนมั่นใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน ของบริษัทที่ผลิตมือถือ ออกมาจำหน่าย
พ.ญ. ดวงพร อัศวราชันย์ ผอ.โรงพยาบาลอ่างทอง กล่าวว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลอ่างทอง ได้ทำการทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้ทราบว่า เบอร์ที่น้องโทรไปเป็นหมายเลข 1669 จริง แต่สถานที่ระบบส่งต่อไปนั้นเป็นหมายเลข 112 ซึ่งเป็นเบอร์คล้าย ๆ กับว่ามีโอเปอเรเตอร์ที่เป็นระบบอัตโนมัติอีกทีสำหรับโอนสาย แต่มีเพียงเบอร์ 191 และของตำรวจเพียงเท่านั้น ทางโรงพยาบาลจึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่าย IT ติดต่อไปยัง ทีโอที สาขาอ่างทอง เพื่อทำการขอเช็คสายที่โทรเข้า และทำการทดสอบการทำงานโดยใช้เบอร์โทรศัพท์เครือข่ายต่าง ๆ โทรเข้ามายังหมายเลข 1669 เกิดปัญหา 1 อย่างคือ โทรศัพท์บางยี่ห้อโทรไปกลับมีการโอนสายไปหมายเลข 112 ตามที่แจ้งเบื้องต้น ซึ่งเราได้ลองเอาหมายเลขเดิมเปลี่ยนเครื่องโทร ปรากฏว่า สามารถโทรเข้าหมายเลข 1669 ได้ปกติ ไม่มีการโอนสายแต่อย่างใด ทำซ้ำ ฯ แบบนี้ กับโทรศัพท์หลายยี่ห้อ อยู่หลายครั้ง จนเริ่มแน่ใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะอาจเกิดจากการตั้งค่าของโรงงานผู้ผลิตก็เป็นได้
ต่อมาผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทองพร้อมคณะ ได้เดินทางมาให้กำลังใจแก่นางบุญเรือน ปัมราช ภรรยาของผู้เสียชีวิต และได้พบกับ นางสาวสุภัสสร แก้วประเสริฐ หลานสาวของผู้เสียชีวิต ทั้งหมดจึงได้พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอธิบายผลจากการตรวจสอบให้ทั้งหมดเข้าใจ และทดสอบให้ทุกคนได้ดู ผลปรากฏว่าเป็นไปตามที่แจ้ง จากนั้นได้ให้น้องสุภัสสร ลองโทร ปรากฏว่าไปติดที่ระบบอัตโนมัติ หมายเลข 112 จริง ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงกระจ่าง
นางบุญเรือน ปัมราช ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ขอย้ำว่าไม่เคยต้องการเรียงร้อง หรือให้ใครต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งในข่าวที่ออกไปไม่ตรงกับที่ตนเองให้สัมภาษณ์ ตนมีเพียงแค่คำถามว่าเพราะอะไรเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาไปเรียกร้องค่าเสียหารยอะไรดังในข่าวที่แพร่กระจายออกไป ไม่คิดจะทำให้ใครเดือดร้อน

ขณะที่นางสาวสุภัสสร แก้วประเสริฐ หลานสาวของผู้เสียชีวิต ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าไม่ได้ต้องการค่าชดเลยหรือค่าอะไรทั้งนั้น ทุกคนที่บ้านเพียงแค่อยากรู้ว่า สาเหตุอะไรที่โทรไม่มีคนรับสาย และก็ไม่ได้บอกว่าโทรติดที่อ่างทอง บอกกับนักข่าวที่มาทำข่าวว่าโทรติดที่กรุงเทพฯ เพียงเท่านี้ ละก็ขอยืนยันว่าไม่ได้ต้องการเงินหรือเรียกร้องอะไรอย่างในข่าวที่ออกไปแต่อย่างใด มีบางส่วนที่ถูกนำมาเหยแพร่คือเรื่องคาใจของตนเองและครอบครัวเพียงเท่านั้น
ด้านนายอุดม แจ่มปัญญา อายุ 68 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยอ่างทอง ได้กล่าวว่า ตนเองเป็นคนที่ไปรับศพผู้เสียชีวิตเอง เมื่อเจอเด็กที่วัด หลังจากทราบว่าเป็นข่าวแล้วก็ถามว่าโทรไปติดที่ไหน เด็กก็บอกว่าที่กรุงเทพฯ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วในบริเวณแถวนั้นตนเองจะโทรเป็นประจำ โทรไปติดโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาก็บ่อย ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไร ทั้ง ๆ ที่มีการโทรในเขตจังหวัดอ่างทอง
อย่างไรก็ตาม คงต้องเป็นหน้าที่ของ กสทช. ในการตรวจสอบระบบโทรศัพท์มือถือแต่ละยี่ห้อ ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยว่ามีการตั้งค่าระบบการโทรฉุกเฉินไว้อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
หิรัญยวัต อธิวัฒน์เดชากร / อ่างทอง
Discussion about this post