
นายรณเกียรติ คำน้อย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 บ้านแม่พุงหลวง ตำบลแม่พุง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ดัดแปลงที่นาของตนเองเป็นระบบไร่นาสวนผสม ตามทฤษฏีโคกหนองนาซึ่งมีระบบชลประทานแบบธรรมชาติพึ่งพาอยู่ในแปลงด้วยทำให้สามารถจัดการน้ำได้ดีกว่าพื้นที่เกษตรเชิงเดียวทั่วไป
ผู้ใหญ่รณเกียรติ บอกว่า ได้รับความร่วมมือจากพัฒนาชุมชนจังหวัดแพร่ สนับสนุนงบประมาณและแบบภูมิทัศน์การจัดรูปแปลงเพื่อการเกษตร ทำให้สามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์และทำประมงได้ในพื้นที่เดียวกัน เริ่มดำเนินการมาได้ 4 เดือน ในขณะที่มีการปรับปรุงรูปแปลง ได้นำเอาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง และข้าวไร่ เข้ามาปลูกในแปลงขณะนี้ออกรวงแล้วให้ผลผลิตได้น่าพอใจโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารพิษกำจัดศัตรูพืชแบบ 100 % รอการเก็บเกี่ยวในช่วงใกล้ๆ วันพ่อ 5 ธันวาคมนี้ นำเอาสมุนไพรที่หมอพื้นบ้านใช้จำนวนกว่า 100 ชนิดลงปลูกแซมไปกับต้นกล้วย ดูแล้วเจริญงอกงามดีเพราะการจัดการน้ำที่ดีแม้ว่าพื้นที่เป็นดินเหนียวไม่เหมาะสมกับพืชหลายชนิดแต่การทำโคกหนองนา เกษตรกรใช้ความรู้การจัดการดินเข้ามาช่วยทำให้ปลูกพื้นที่หลากหลายชนิดมาก กล้วยถือเป็นพืชอเนกประสงค์เพราะใช้เป็นอาหาร เป็นผลผลิตออกจำหน่าย ยังใช้ต้นกล้วยใบกล้วยในการทำอาหารปลา ทำปุ๋ยจุรินทรีย์หน่อกล้วยหรือจุรินทรีย์รสจืด เหมาะกับพืชอายุสั้นมาก
ขณะนี้มีข้าว ไม้ผล ผักสวนครัว สมุนไพร ปลาหลากหลายชนิด เพียง 4 เดือนเท่านั้นในสวนมาอาหารสำหรับบริโภคไม่ขาด และสามารถเก็บขายทำรายได้รายวันได้แล้ว หมดฤดูหนาวนี้ก็จะได้ข้าวเก็บไว้เป็นอาหารในครัวเรือนตลอดปีและที่เหลือนำออกจำหน่าย มีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัว ฟางข้าวที่เคยเผามีแผนนำกลับมาเป็นวัสดุคลุมดินคือการห่มดินในฤดูแล้งพอผ่านฤดูแล้งไปฟางเหล่านี้ก็จะกลายเป็นปุ๋ยให้กับดินต่อไปไม่เห็นต้องซื้อปุ๋ยอะไรให้ยุ่งยาก ทำให้เห็นว่า เพียง 3 ไร่เท่านั้นก็ทำให้ครอบครัวของตนเองหยุดจากการขาดอาหาร ลดการซื้อจากภายนอกแถมมีคนมาซื้อปลา ซื้อผัก ซื้อสมุนไพร สร้างรายได้ เป็นรายวันได้อย่างน่าพอใจ

ผู้ใหญ่รณเกียรติ กล่าวด้วยว่า เราสามารถปลดข้อจำกัดด้วยความรู้ทางการเกษตรสมัยใหม่ เช่นการเลี้ยงปลาแทนที่ต้องไปซื้ออาหารสำเร็จรูป ก็ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ใช้วัสดุในสวนทำอาหารปลาขึ้นมาเอง ถ้าคิดต่อเพิ่มเรื่องของการบริหาร การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์เข้าไป พื้นที่ที่ทำอยู่ก็จะกลายเป็นเหมือนโรงงานผลิตอาหารปลอดภัยย่อยๆ เกิดขึ้นในชุมชน คนทำงานก็มีรายได้ไม่เดือดร้อน ถ้าคิดต่อการหาช่องทางจำหน่ายด้วยหลักการตลาด หลักธุรกิจเพื่อสังคมเข้าไปอีก ถือว่ามันจบเลยในที่ดินผืนนี้
ทั้งนี้ยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ให้ความสนใจทำการเกษตรแบบผสมผสานและเป็นรูปแบบของอาหารอินทรีย์ แต่พบว่าเกษตรกรยังไปไม่ถึงไหน สำเหตุสำคัญคือ เงินทุน การถือครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ทำให้งบประมาณของรัฐลงมาหนุนเสริมไม่ได้ และ ความรู้ในการบริหารจัดการ ด้วยเหตุของการสื่อสารการทำงานของภาครัฐยังไม่มีศักยภาพพอที่จะพัฒนาเกษตรกรเหล่านั้นให้ยืนบนขาของตัวเองได้ อีกส่วนที่เป็นส่วนใหญ่เกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว กลุ่มนี้ยังมองไม่ออกกับการบริหารจัดการด้วยเจ้าของแปลงเอง ยังให้ความสนใจเกษตรพันธะสัญญา การปลูกเพื่อขายไม่สนใจคุณภาพและความปลอดภัย กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มใหญ่ของจังหวัดแพร่ ที่ยังต้องทำงานความคิดอีกนาน อีกทั้งช่องทางการทำให้ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเกษตรกรในจังหวัดแพร่
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post