
วันที่ 15 พ.ย. ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมทีมงานทนายความ ร่วมเป็นตัวแทนรับเรื่องจาก ชาวบ้านประมาณ 300 ราย ในพื้นที่ตำบลบางตาเถร อ.สองพี่น้อง และอำเภอบางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำขังในพื้นที่เกษตรกรรม ได้แก่บ่อกุ้ง บ่อปลา นาข้าว และสวนพืชผัก ที่ได้รวมตัวกัน เพื่อลงชื่อร้องทุกข์ ในการแจ้งความดำเนินคดีกับกรมชลประทาน กรณีบริหารจัดการน้ำไม้เป็นธรรม ที่บริเวณท่าข้าวศรีสุพรรณ หมู่ 4 ต.บางตาเถร อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.ทส. กล่าวว่า ตนในฐานะนักกฎหมาย ต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้ชาวบ้าน และบรรดาเกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย จากการที่กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำ จนทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวฯ อย่างไม่เป็นธรรม จนทำให้ได้รับความเสียหาย โดยไม่มีหนทางใดที่จะเข้าไปบังคับกรมชลประทาน หยุดการผันน้ำมาในพื้นที่ จึงมารวมตัวกันใช้สิทธิ์ในการฟ้องกรมชลประทาน และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารการจัดการน้ำ ตามความผิดที่ฟ้องเป็นเรื่องของการละเมิด ในการเรียกค่าเสียหาย ทั้งเรื่องบ่อกุ้ง บ่อปลา นาข้าว นอกจากนี้ยังฟ้องต่อศาลปกครอง สั่งห้ามให้กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำแบบปีนี้ ในปีต่อๆ ไปอีก เพื่อให้เป็นแบบอย่างของความถูกต้อง และความเป็นธรรม ไม่ใช่เห็นจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทุ่งรับน้ำ จนเกินกว่าที่เราจะรับได้ จนทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหาย เพราะการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด

โดยทางกรมชลประทาน มีหน้าที่บริหารการจัดการน้ำ พอมีปัญหามีอะไรก็อ้างว่า คณะกรรมการจัดการน้ำ จึงขอให้กรมชลประทานมีความคิด มีความเห็นใจ ถึงความเดือดร้อนของประชาชน อย่าไปคิดว่าจะต้องรักษาเขตเศรษฐกิจเท่ากับชีวิตเราเอง มันไม่ใช่ ถ้าเรามีการบริหารการจัดการน้ำที่ดี ที่ถูกต้อง พิจารณาว่าน้ำจะไปลงทุ่งไหนบ้าง ลงพื้นที่ไหนบ้าง แล้วเฉลี่ยน้ำกันไป เชื่อว่าปัญหาใน จ.สุพรรณบุรี จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นนี้
ดังนั้นกรมชลประทานต้องกลับมานั่งพิจารณาว่า การบริหารการจัดการน้ำที่ทำอยู่นั้นถูกหรือไม่ ตนเชื่อว่าถ้าในอนาคตยังฝืนทำเช่นนี้อีก คงไม่ฟ้องเรื่องเพ่งอย่างเดียว คงต้องใช้มาตรา 157 เข้ามาบังคับใช้ในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ.
Discussion about this post