
จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 6 ธ.ค. 64 พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 6/12 ม.8 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อสั่งการจับกุม นายนันทวิทย์ วิกิตคำมี อายุ 30 ปี ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ดต.ณรงค์ศักดิ์ รงค์สุวรรณ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางน้ำ เปรี้ยว ที่เข้าไประงับเหตุทะเลาะวิวาทยังบ้านหลังดังกล่าว แต่กลับถูกนายนันทวิทย์ ที่ซุ่มอยู่ด้านนอกบ้านยิงออกมาโดนบริเวณต้นขาขวา ดต.ณรงค์ศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บ โดยพล.ต.ต.นันทวุฒิ ได้สั่งกำลัง หน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.ฉะเชิงเทรา (นปพ) และประสานไปยัง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. ตำรวจภูธรภาค 2 นำหน่วยสวาท และกำลังเจ้าหน้าที่ของ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนกว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมบ้านของผู้ก่อเหตุนานกว่า 6 โมง
พล.ต.ต.นันทวุฒ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิง เทรา เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องว่าลูกน้อง คือ ดต.ณรงค์ศักดิ์ รงค์สุวรรณ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุ จึงเร่งเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อคดีคลายสถานการณ์ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบ้านดังกล่าวมีการทะเลาะวิวาทย์กัน ระหว่างนายนันทวิทย์ ผู้ก่อเหตุและคนในบ้าน จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางน้ำเปรี้ยวเข้าระงับเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้อยู่ในบ้าน ทราบจากเจ้าของบ้านว่าขับรถออกไปก่อนหน้านี้แล้ว กำลังเจ้าหน้าที่จึงถอนกำลังกลับ ซึ่งขณะขับรถออกมาจากบ้านของผู้ก่อเหตุ ได้ดักซุ่มรออยู่บนรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กค 4795 ปราจีนบุรี ที่ได้จอดซุ่มอยู่ข้างทาง เมื่อรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ขับผ่าน นายนันทวิทย์ ที่อยู่ในอาการคุ้มคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด ได้ชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้ามาที่รถของตำรวจ ทำให้กระสุนเจาะเข้าที่บริเวณต้นขาขวาของ ดต.ณรงค์ศักดิ์ รงค์สุวรรณ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในรถจึงยิงปืนสวนกลับไป ทำให้นายนันทวิทย์ ขับรถหนีกลับเข้าบ้านพักไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วิทยุขอกำลังเสริมมาปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นได้นำตัว ดต.ณรงค์ศักดิ์ ส่งรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธรเพื่อทำการผ่าตัด หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการปิดล้อม ตั้งแต่ช่วง 3 ทุ่ม เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความอดทน เพื่อรอพ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุที่เดินทางมาจาก อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อมาช่วยพูดเกลี่ยกล่อมลูกชาย แต่เมื่อพ่อและแม่มาถึง ได้แจ้งว่าลูกชายป่วยเป็นจิตเวช จากอาการหลอนยาเสพติด กำลังจะพาไปรักษาเนื่องจากขาดยา แต่ก็มาก่อเหตุเสียก่อน
กระทั่งเวลา 00.15 น.วันที่ 7 ธ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ พ่อและแม่เข้าไปเจรจาเกลี่ยกล่อมลูกชาย เพื่อให้ยอมมอบตัว แต่การเจรจายังไม่เป็นผล เนื่องจากผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการคุ้มคลั่ง พ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุจะขอนำลูกชายไปมอบตัวในช่วงเช้า แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะคลุ้มคลั่งและทำร้ายคนในบ้าน จึงปรับแผนปฏิบัติการโดยให้กำลังจาก หน่วยสวาทภูธรภาค 2 และ นปพ.จังหวัด ได้ตั้งแถวเพื่อใช้ยุทธวิธีในการกดดัน ทำให้พ่อและแม่อาสาที่จะเข้าไปพูดคุยกับลูกชายอีกครั้ง เวลาผ่านไปถึงเวลา ประมาณ 02.00 น.พ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุ เดินออกมาด้านนอกบอกว่าลูกชาย ยังคงหลอนและพูดจาคนเดียวภายในตัวยังมีอาวุธปืน กระทั่งเวลา 03.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ปรับแผน ให้พ่อและแม่นำน้ำดื่มที่ผสมยานอนหลับไปให้ผู้ก่อเหตุกิน โดยรอบนี้มีกำลังจากหน่วยสวาท ที่ปลดอาวุธมีเพียงโล่เหล็กเดินตามเข้าไปด้วยในระยะห่างๆ เมื่อพ่อแม่เข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุและสามารถให้ผู้ก่อเหตุดื่มน้ำได้สำเร็จ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะออกอาการซึมจากฤทธิ์ของยา กำลังเจ้าหน้าที่หน่วยสวาทชุดแรกจึงทำการเข้าชาร์ตทันที ก่อนควบคุมตัวนายนันทวิทย์ ออกมาด้านนอก ก่อนเจ้าหน้าที่จะพยายามค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุแต่ยังไม่พบ
พล.ต.ต.นันทวุฒิ เปิดเผยอีกว่า จากนี้ต้องควบคุมตัวนายนันทวิทย์ วิกิตคำมี ผู้ก่อเหตุไปคุมขังไว้ที่ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ทำการตรวจ ATK ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ตรวจสอบคราบเขม่าปืนจากนิ้วมือ จากนั้นนจะให้นายนันทวิทย์ นอนพักผ่อน ให้ส่างจากอาการหลอนและคุ้มคลั่ง ทำการสอบสวนอย่างละเอียด เบื้องต้นยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา เนื่องจากต้องการสอบสวนข้อมูลหลักฐาน พยานเหตุให้แน่ชัด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนข้อมูลที่ญาติบอกว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตเวชนั้น คงต้องเอาหลักฐานทางการแพทย์มาพิสูจน์และยืนยันกันในขั้นตอนของกระบวนการสอบสวน แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
Discussion about this post