
ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สำนักงานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 3 จากกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC Group และได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้นแก่ราษฎร ไม่ว่าจะเป็นการสงเคราะห์ด้านการศึกษา และด้านสาธารณภัยต่าง ๆ ที่เกิดทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันปัญหามลภาวะจากอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ยังคงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก ในระยะแรกนั้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้สนับสนุนหน้ากากอนามัย N95 แก่ประชาชนนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อใช้แก้ปัญหาในเบื้องต้น
โดยในปี 2563 ที่ผ่านมามูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จัดสร้างเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 (ต้นแบบ) รุ่นที่ 1 ใช้ระบบบำบัดด้วยเวนทูรีสครับเบอร์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก GC Group นอกจากนี้ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ร่วมกัน โดย GC Group สนับสนุนบุคลากรนักวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรมการออกแบบ เพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 2 ใช้หลักการบำบัดด้วยตัวกรอง (Filter) 3 ชั้น
และในปี 2564 นี้ ทาง GC ได้พัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ในรุ่นที่ 3 ซึ่ง ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า “GC Group ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยในระยะยาว จึงได้สนับสนุนบุคลากร ทีมงานวิศวกร และนักวิจัย อย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดและพัฒนประสิทธิภาพของเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 3 โดยใช้ระบบตัวกรอง 3 ชั้น เพิ่มจุดเด่นด้วยการใช้นวัตกรรมพลาสติกของ GC Group เป็นส่วนประกอบของเครื่อง โดยนำเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น หรือ LLDPE Compound ผสมกับฝาขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล นำมาผ่านกระบวนการผลิตแบบหมุนเหวี่ยง (Rotational Molding) เพื่อสร้างชิ้นงานที่ไม่มีรอยต่อ มีความแข็งแรงสูง และทนต่อรังสี UV เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน เป็นการสนับสนุนแนวคิดการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดของเสียให้ได้มากที่สุด สอดคล้องกับแนวทาง GC Circular Living และได้เพิ่มระบบฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ด้วยหลอดยูวีซีบริเวณอากาศขาออกจาก Filter ประสิทธิภาพ 98-99% โดยประมาณ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนด้านสุขอนามัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
เชื้อไวรัสโควิด 19 พร้อมด้วยระบบเซนเซอร์และจอแสดงผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามคุณภาพอากาศแบบในรูปแบบเรียลไทม์

สำหรับการออกแบบในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานร่วมกันกับ รศ. ดร. สิงห์ อินทรชูโต ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ม.เกษตร ศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา ในการพัฒนารูปแบบของเครื่อง ให้มีลักษณะที่สวยงาม เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม และรศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าทีมวิจัยเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นที่ปรึกษาในส่วนของระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศและหน้าจอแสดงผล PM2.5
การดำเนินการในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการนำองค์ความรู้ของคนไทยมาต่อยอดสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นใช้เองภายในประเทศ แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์
ที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อช่วยคนไทยเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์มลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 โดยหวังว่าเครื่องบำบัดอากาศฯ นี้จะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยในระยะยาว สำหรับหน่วยงานที่สนใจติดต่อขอรับ Blueprint เพื่อนำไปต่อยอดในการสร้างเครื่องบำบัดอากาศ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-2811902
ส่วนทางด้านของ ชมรมประชา สัมพันธ์กลุ่มโรงงานนิคมอุตสาห กรรม (MPR Club) จัดโครงการ “MPR อาสาฝ่าวิกฤตโควิด 19” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าในชุมชนและคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 โดยเปิดให้ร้านค้าชุมชนในเขตพื้นที่มาบตาพุด และบ้านฉางเข้ามาลงทะเบียนฝากร้านค้า ทางชมรม MPR ได้จัดซื้อสินค้าและจัดทำถุงยังชีพเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชนที่ขาดแคลนรายได้ รวมถึงคนชราและผู้ทุพพลภาพ รวมทั้งสิ้น 480 ถุง ครอบคลุม 52 ชุมชน ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและเทศบาลตำบลบ้านฉาง มูลค่ากว่า 250,000 บาท ส่งมอบผ่านประธานชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด และนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านฉาง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
โดยคุณบุษบา บุญมั่น ประธานชมรม MPR กล่าวว่า “ในแต่ละปีทางชมรมได้มีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียใน จ.ระยอง อาทิ กลุ่มชุมชน กลุ่มเยาวชน และกลุ่มสื่อมวลชนท้องถิ่น ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ทางชมรม MPR ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์กับชุมชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 โดยทางชมรมฯ ได้เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชน จึงได้ริเริ่มโครงการ MPR อาสา ฝ่าวิกฤตโควิด 19 ขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับร้านค้าชุมชนและสมาชิกในชุมชน โดยได้เปิดรับสมัครร้านค้าชุมชนที่ไม่สามารถเปิดร้านได้ในช่วงโควิด 19 มาลงทะเบียนฝากร้านไว้ และทางชมรมฯ ได้ทำการช่วยซื้อสินค้ามาจัดทำเป็นถุงยังชีพเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ขาดแคลนในชุมชน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ แต่เราพร้อมอย่างยิ่งที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือในทุก ๆ ด้านอย่างเต็มความสามารถ”.
Discussion about this post