ผวจ.อุบลฯ เผย ตัวเลขโควิค-19 อุบลยังสูง แนะ ปชช. ตรวจ atk ด้วยตนเอง ย้ำพาณิชย์คุมเข้มราคา และชุดตรวจ มี อย.

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิค-19 ของ จ.อุบลฯ พบผู้ติดเชื้อจำนวน 450 ราย โดยใน 450 ราย พบในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 330 ราย และกลุ่มที่เข้ามาขอรับการตรวจเชื้อ จำนวน 120 ราย ซึ่งเป็นการพบเชื้อที่อยู่นอกการกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทำให้จำนวนตัวเลขของการพบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดยังไม่น่าวางใจและเป็นสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระมัดระวังอย่างสูง ซึ่งในขณะนี้ จ.อุบลฯ ได้ทำการปิดพื้นที่ที่มีการระบาดในวงกว้าง เพื่อควบคุมโรค จำนวน 3 อำเภอ รวม 8 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอนาเยีย อำเภอเหล่า เสือโก้ก และอำเภอน้ำขุ่น โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้นำชุมชน ทั้งนี้ทั้งนั้นทางจังหวัดอุบลฯ ยังคงเข้มข้นในเรื่องมาตรการต่างๆ ทั้งเรื่องการปิดสถานศึกษา โดยเรียนในระบบออนไลน์ การงดให้บริการนั่งภายในร้านอาหารที่เป็นลักษณะห้องปรับอากาศ การปิดโรงภาพยนตร์และสนามกีฬาที่มีความเสี่ยงสัมผัสสูง การงดการทำกิจกรรมรวมกลุ่ม ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นและมาตรการส่วนบุคคลที่ต้องเข้มข้นต่อไป

นายพงศ์รัตน์ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการพูดถึงการใช้ชุดตรวจ ATK (Antigen test kit) เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ATK คือ ชุดตรวจโควิค ด้วยตนเองเบื้องต้น เป็นชุดตรวจที่มีความแตกต่างจากชุดตรวจที่บุคลากรทางการแพทย์ใช้ โดยชุดตรวจ ATK จะสามารถใช้งานแบบ Home use รู้ผลเร็ว มีลักษณะก้านที่สั้นกว่า มีลักษณะแข็ง มีสำลีด้านปลายก้านค่อนข้างขนาดใหญ่ โดยใช้แหย่ในโพรงจมูกลึกประมาณ 2-3 ซม. ซึ่งการตรวจ ATK เหมาะสำหรับใช้ในครัวเรือน หรือบุคคลที่มีความเสี่ยง ต้องตรวจเฝ้าระวังเป็นระยะ เพื่อทราบผลการตรวจเชื้อในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ โดยควรทำการตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว 3-5 วัน ในขณะนี้ชุดตรวจ ATK เป็นที่ต้องการของประชาชน และเป็นสินค้าควบคุม หากพบการขายเกินราคา หรือกักตุนสินค้า ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยชุดตรวจ ATK มีราคาที่หลากหลายต่อหนึ่งชุดตามแต่ละยี่ห้อ ทั้งนี้ทั้งนั้นประชาชนควรเลือกซื้อชุดตรวจที่ผ่านการรับรองจาก อย. ขณะที่กระทรวงสาธารณ สุขได้สั่งการให้องค์การเภสัชกรรมเร่งจัดซื้อและนำเข้าชุด ATK และนำมาจำหน่ายในราคาต้นทุนโดยไม่เอากำไร

สำหรับ ผู้ที่ทดสอบด้วยตนเองและพบเชื้อ เบื้องต้นให้แจ้งสายด่วน Call center ของแต่ละอำเภอ หรือโทรไปที่ โรงพยาบาลในพื้นที่ โดยแจ้งรายละเอียด และรอเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผลด้วยเครื่องมือที่แม่นยำขึ้น และหากพบเชื้อ จะเตรียมทำการประเมินบ้านที่อยู่อาศัย หากพบว่าสามารถรักษาตัวที่บ้านได้ จะทำการรักษาในลักษณะ Home Isolation หรือ การดูแลตัวเองจากที่บ้าน ซึ่งจะใช้ในผู้ติดเชื้อที่ค่อนข้างไม่แสดงอาการ โดยมียารักษาและระบบเชื่อมต่อกับทางโรงพยาบาล ซึ่งมีการเฝ้าระวังตลอดเวลา หากพบว่ามีอาการหนักขึ้น ทาง รพ.จะนำตัวเข้ามารับรักษาในโรงพยาบาลต่อไป.