
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ ของชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่ใช้น้ำชลประทานลำปาวหรือเขื่อนลำปาว ซึ่งมีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและทำนาปรังกันเป็นบริเวณกว้าง หลังทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำ หลังประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 เป็นต้นมา ซึ่งชาวนาและผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต่างมีความหวังที่จะได้รับน้ำ เพื่อประกอบอาชีพได้อย่างเต็มที่ แต่กลับพบว่าเกิดปัญหาน้ำไม่เพียงพอ กระทั่งเกิดเหตุการณ์รวมตัวที่คลองชลประทาน และเรียกร้องทางเขื่อนระบายน้ำเพิ่ม
โดยที่บริเวณคลองส่งน้ำบ้านโคกก่อง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ใกล้อาคารเปิดปิดน้ำ 2 แห่ง คือหลัก กม.ที่ 12 บ้านโคกก่อง และแห่งที่ 2 หลัก กม.16 บ้านตูม ต.บัวบาน ตัวแทนชาวบ้านผู้ใช้น้ำจำนวน 10 คน ได้มารวมตัวกันติดตามระดับน้ำที่คลองชลประทาน โดยระบุว่าทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.4 ถึงวันนี้ผ่านมากว่า 10 วัน ยังไม่ได้ใช้น้ำเลย ทั้งๆที่ทุกครั้งที่ผ่านมาใช้เวลาเพียง 7 วัน ก็ได้รับน้ำที่ไหลผ่านประตูปิด-เปิดน้ำ ไปท่อระบายและไหลไปตามคลองไส้ไก่เข้าบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกราม และพื้นที่ทำนาปรังที่หว่านเต็มท้องนาแล้ว แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้น้ำ ทำให้ต้นข้าวที่กำลังงอกเหี่ยวเฉา และกำลังจะแห้งตาย ขณะที่ผู้เลี้ยงกุ้งก็รอน้ำเพื่อให้ไหลเติมเข้าไปในบ่อ และปล่อยเลี้ยงพันธุ์กุ้งรุ่นใหม่ บางรายต้องนำเครื่องไปสูบน้ำ ทำให้สิ้นเปลือง เนื่องจากน้ำมันราคาสูง ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งบริเวณนี้พื้นที่รอรับน้ำไม่น้อยกว่า 1,000 ไร่ทีเดียว
นายพรหมมา ฉายประดับ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 268 หมู่ 7 ชาวนาบ้านโคกก่อง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนมีที่นา 16 ไร่ ทำนาปรังทั้งหมด โดยการหว่านแห้งเพื่อรอรับน้ำจากคลองชลประทานลำปาว ทั้งนี้กะระยะเวลาตามที่เคยทำทุกปี คือติดตามสถานการณ์น้ำจากประกาศของทางเขื่อนลำปาวว่าจะระบายน้ำลงมาวันไหน ก็กำหนดวันเวลาในการลงมือทำนาปรังเลย คือพอหว่านข้าวเสร็จ 4-5 วัน เมล็ดข้าวก็จะเริ่มงอก หรือรอเพียง 1 สัปดาห์ ก็จะได้รับน้ำจากคลองแล้ว แต่วันนี้ผ่านมา 12-13 วันยังไม่ได้รับน้ำเลย จึงชักชวนเพื่อนชาวนาและผู้เลี้ยงกุ้งที่อยู่กลางน้ำและปลายน้ำ ช่วง กม.ที่ 12 และ 16 มาดูระดับน้ำ ซึ่งทีแรกเข้าใจผิดโดยคิดว่าคนที่อยู่ต้นน้ำ ซึ่งมีบ่อเลี้ยงกุ้งอยู่ติดกับคลองสายใหญ่กักเก็บน้ำไว้ใช้คนเดียว จึงได้มาพูดคุยขอใช้น้ำด้วย ซึ่งเกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ เกือบจะวางมวยกันเลยทีเดียว

ด้านนายศุภาวุฒิ สุวรรณดี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งใน ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนมีบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามประมาณ 15 ไร่ อยู่ติดคลองชลประทานสายหลัก แต่ปริมาณน้ำที่ระบายมาจากเขื่อนลำปาวตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา 13-14 วัน ยังมีปริมาณน้อย ไม่ถึงประตูระบายน้ำ ที่จะไหลไปตามคลองไส้ไก่ ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้น้ำเติมเข้าไปในบ่อเลี้ยงกุ้งที่กำลังขาดแคลน ตนและเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง รวมทั้งชาวนาหลายคน จึงได้นำเครื่องสูบน้ำมาทำการสูบน้ำ ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายที่ต้องซื้อน้ำมันที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นการเปลืองต้นทุนการผลิตทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็น เพราะหากทางเขื่อนปล่อยน้ำมาเต็มที่ เพิ่มปริมาณน้ำตามกำหนดระยะเวลา ตนและชาวนาคงจะไม่เดือดร้อน ถึงกับบางครั้งจะเกิดเหตุชกต่อยกัน เนื่องจากชาวนาที่อยู่กลางน้ำและปลายน้ำ มากล่าวหาว่าตนซึ่งอยู่ต้นน้ำ ว่ากักเก็บน้ำไว้ใช้คนเดียว ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด เพราะความจริงคือเขื่อนปล่อยน้ำลงน้อย ต่างคนก็ต่างคอยเก้อ อยากได้น้ำไปหล่อเลี้ยงนาข้าวและบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ล่าสุดจึงได้โทรศัพท์แจ้งปัญหาน้ำไม่พอใช้ไปยังผู้บริหารเขื่อนลำปาว เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา
ขณะที่นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว กล่าวว่า ปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,167 ล้าน ลบ.ม.จากระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 59 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ทางโครงการฯได้เริ่มระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.65 เพื่อให้เกษตรกร ผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ทำนาปรัง และประชาชนผู้ใช้น้ำ ได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยส่งเฉลี่ยวันละประมาณ 3.5 ล้าน ลบ.ม. และจะเพิ่มปริมาณขึ้นตามลำดับ เพื่อรักษาสมดุลของระบบคู คลอง สาเหตุที่การจราจรของน้ำในคลองชลประทาน ที่ผู้ใช้น้ำแจ้งว่าเพิ่มระดับช้านั้น เนื่อง จากที่ผ่านมามีการก่อสร้างและปรับ ปรุงคลองชลประทานสายหลักหลายช่วง บางช่วงมีระยะทางยาวหลายร้อยเมตร ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสมดุล ไม่ส่งผลกระทบต่อคูคลองที่สร้างเสร็จใหม่ จึงได้ค่อยๆเพิ่มปริมาณน้ำที่ระบายลงมา อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านนั้น ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงติดตามสถานการณ์น้ำ และจะเร่งดำเนินการตามคำร้องขอ คาดว่าจะได้ใช้น้ำอย่างทั่วถึงในวันนี้.
Discussion about this post