พ่อเมืองระยอง ประกาศเตือน นทท.เล่นน้ำชายหาด ระวังคราบน้ำมัน หลังมีเหตุน้ำมันดิบ 160,000 ลิตร รั่วไหลกลางทะเล
จากกรณีเมื่อเวลา 01.10 น.วันที่ 26 ม.ค.เกิดเหตุมีน้ำมันดิบของบริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งรั่วไหลลงทะเลจำนวน 160,000 ลิตร โดยห่างจากฝั่งประมาณ 12 ไมล์ทะเล โดยมีคาดการณ์ว่าจะพัดเข้าฝั่ง เวลา 17.00 น.ของวันที่ 28 ม.ค.นี้ ชายหาดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมีหาดแสงจันทร์ ไปจนถึงหาดแม่รำพึง อ.เมืองระยอง
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ได้ประกาศเตือนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการนำเที่ยว ได้เฝ้าระวังและใช้ความระมัดระวัง หรือหลีกเลี่ยงในการลงเล่นน้ำทะเลบริเวณที่มีคราบน้ำมันโดยเด็ดขาด ทั้งนี้หากพบคราบน้ำมันดังกล่าวให้รีบแจ้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทราบทันทีที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดระยอง โทร. 0-3869-4129 /0-3869-4134
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางบริษัทสตาร์ ปิโตรเลี่ยมฯ ได้ออกมาชี้แจง เกี่ยวกับข้อมูลจำนวนน้ำมันที่รั่วไหลของนำมันดิบเป็นจำนวน 128 ตัน (160,000 ลิตร) ในการนี้ได้มีการใช้สารเคมีชื่อ dispersant ในกำจัดมวลคราบคราบน้ำมันให้ย่อยสลายไปแล้ว 80% คงเหลือคราบน้ำมันอีกประมาณ 21 ตัน และขณะนี้สถานการณ์สามารถควบคุมได้ โดยจะไม่มีการพัดพาเข้าฝั่ง.
ล่าสุดเวลา 17.30 น.นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเหตุท่อส่งน้ำมัน บมจ.สตาร์ปิโตร เลียม รีไฟน์นิ่ง รั่วไหล เมื่องช่วงดึกของวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พลเรือตรีอาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทน บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง ร่วมแถลงข่าวที่ห้องประชุมสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบสถาน การณ์โดยได้รับรายงานการประ มาณการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลเบื้องต้นไม่เกิน 1.6 แสนลิตร หรือคิดเป็น 128 ตัน คิดเป็น 0.04% ของน้ำมันในเรือ ขณะที่เรือมีความจุประมาณ 3.2 แสนตัน แต่อย่างไรก็ตามในภายหลังปิดวาล์วที่เกิดเหตุได้สำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมพื้นที่น้ำมันดิบรั่วไหลในรัศมีไม่เกิน 1 ตารางกิโลเมตร พร้อมทั้งได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Oil Spil Dispersant) โดยจุดเกิดเหตุนั้นห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ในเบื้องต้นประเมินสถานการณ์ว่าจะส่งผลกระทบไม่มากนัก ส่วนท่อดังกล่าวพบว่ามีการบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามแผนการดำเนินงานของทางบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้อาจต้องดูแผนในการดูแลบำรุงรักษา รวมถึงอายุการใช้งานของท่อว่ามีอายุการใช้งานเท่าไหร่ จำเป็นต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงแผนให้มีความหมาะสมหรือไม่ เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนกำหนดมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น อาจให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมคิดและวางแผนในการดูแลและบำรุงรักษาด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีกในอนาคต โดยวันนี้ได้เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์และทำงานอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าจะไม่เข้าฝั่ง และจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า หากไม่มีการควบคุมคราบน้ำมันจะขึ้นฝั่งที่หาดแม่รำพึงซึ่งในวันนี้สามารถควบคุมได้ประกอบเป็นน้ำมันเป็นน้ำมันเบาซึ่งการควบคุมจะง่ายกว่าน้ำมันหนักแบบที่เกิดเหตุในปี พ.ศ.2556 ที่ยากต่อการจัดการ ทั้งนี้ได้มีการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันเพื่อเร่งการสลายคราบน้ำมันตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น หากมีการพัดพาของคราบน้ำมันไปยังชายฝั่งการจะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันประชา ชนได้รับผลกระทบ
พลเรือตรีอาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า ในส่วนกองทัพเรือได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 นำยุทโธปกรณ์และกำลังพลไว้คอยสนับสนุนการดำเนินงานควบคุมสถานการณ์ พร้อมทั้งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ในการบินขึ้นสำรวจการกระจายตัวของคราบน้ำมันทั้งหมดจากบริเวณจุดขนถ่ายน้ำมัน (SPM) รวมถึงทิศทางของคราบน้ำมัน พร้อมทั้งสนับสนุนเฮลิคอป เตอร์ที่ติดตัวโปรยสารเคมีควบคู่กับเรือขจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่าน ศร.ชล.ในจังหวัดตามชายหาดต่าง ๆ พร้อมเตรียมกำลังพลสนับสนุนการจัดเก็บคราบน้ำมันหากขึ้นฝั่ง
ด้านผู้แทน นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยระบบคุณภาพสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการตัดแยกระบบและส่งนักประดาน้ำไปดูในจุดที่มีโอกาสจะรั่ว ซึ่งพบว่ามีข้อต่อตัวหนึ่งที่เป็นข้ออ่อนระหว่างจุดขนถ่ายน้ำมันกับตัวท่อที่ต่อเข้ากับท่อใต้น้ำรั่วซึ่งต้อนนี้ได้ดำเนินการปิดกั้นตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยท่อดังกล่าวมีการตรวจสอบมาตรฐานวัสดุที่ใช้ในการผลิต มีการตรวจสอบและเปลี่ยนท่อตามระยะเวลาที่กำหนดทุก 3 ปี ซึ่งท่อดังกล่าวนี้จะถึงเวลาเปลี่ยนในเดือนเมษายน 2565 นี้ แต่เกิดเหตุรั่วไหลเสียก่อน ทั้งนี้บริษัทได้มีมาตรการรวมถึงระบบบริหารจัดการเพื่อป้องกันการรั่วไหลรวมถึงแผนตอบโต้ฉุกเฉินหากเกิด โดยล่าสุดจุดที่รั่วไหลมีน้ำมันรั่วไหลสูงสุดไม่เกิน 50,000 ลิตร ซึ่งต่ำกว่าที่แจ้งประมาณการไว้ตอนแรกไว้ที่ 160,000 ลิตร
นอกจากนี้ นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพร้อมคณะ ได้เดินทางมายังสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเพื่อมาประชุมรับฟังการรายงานเหตุการณ์ แนวทางการเก็บกู้ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบ โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม.
Discussion about this post