เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 27 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง บ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จก.ได้นำเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน เร่งติดตั้งบูมในทะเลบริเวณหน้าชายหาดท่าเรือขนถ่ายสินค้าของ บ.ไออาร์พีซี จก.(มหาชน)ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง โดยมีนายอนันต์ นาคนิยม รอง ผวจ. ระยองได้ไปติดตามสถานการณ์ โดยใช้เรือประมงลากบูกยาวกว่า 350 เมตร ลงไปในทะเล เพื่อสะกัดคราบน้ำมันของ บ.สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ที่มีการรั่วไหลกลางทะเล เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ให้เข้าฝั่ง พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ ยังได้มีการตั้งเต็นท์เป็นศูนย์บัญชาการสถานการณ์บริเวณดังกล่าวด้วย โดยจะมีประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดการกับคราบน้ำมันที่จะพัดเข้าฝั่ง
อย่างไรก็ตามมีรายงานทิศทางลมจะ พัดคราบน้ำมันเข้าสู่ชายหาดบริเวณท่าเรือขนถ่ายสินค้าของ บ.ไออาร์พีซีฯ โดยขณะนี้อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 8-10 กม.
ต่อมาเวลา 17.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคราบน้ำมันที่รั่วไหลกลางทะเล เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จะพัดเข้าฝั่งชายหาดบริเวณท่าเรือขนถ่ายสินค้าของ บ.ไออาร์พีซี จก.(มหาชน) โดยได้มีเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จก.ซึ่งเป็นบริษัทต้นตอปล่อยน้ำมันรั่วกลางทะเล ได้นำเจ้าหน้าที่ขนทุ่น หรือบูมใช้เรือลากลงทะเล เพื่อป้องกันคราบน้ำมันเข้าฝั่ง โดยคราบน้ำมันอยู่ห่างชายฝั่ง 10 กม.
ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ของ บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียมฯ แจ้งว่า เฮลิคอปเตอร์ของทัพเรือภาคที่ 1 ได้บินสำรวจพบว่า ทิศทางลมเปลี่ยน ทำให้คราบน้ำที่คาดว่าจะขึ้นฝั่งท่าเรือขนถ่ายสินค้าไออาร์พีซีฯ เปลี่ยนทิศทางไปขึ้นฝั่งบริเวณลานหินขาว-หินดำ หาดแม่รำพึง อ.เมืองระยองแทน ซึ่งคาดว่าจะถึงช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามบริเวณท่าเรือขนถ่ายสินค้าของไออาร์พีซีฯ คาดจะมีน้ำมันขึ้นเช่นกันแต่มีจำนวนน้อย เจ้าหน้าที่ยังคงติดตั้งทุ่น หรือบูมบริเวณดังกล่าวไว้ก่อน
ต่อมาเวลา 19.30 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามกรณีน้ำมันรั่วกลางทะเล ที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ว่าได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์พร้อมด้วยนายครรชิต ศรีนพวรรณ ผอ.ทสจ.ระยอง และนายสุรินทร์ สินรัตน์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ บินตรวจดูสถาน การณ์บริเวณเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในช่วงบ่ายวันนี้ พบสถาน การณ์ก็ยังควบคุมได้แต่ยังมีการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันที่มีทิศทางไปทางอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และเกาะเสม็ด ประมาณอยู่ห่าง 7-8 กิโลเมตร ก็มีคุยกันว่าจะเพิ่มเรือมาอีก 10 ลำ ขณะนี้ต้องรักษาพื้นที่ที่สำคัญไว้ คือพื้นที่ทางส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับอุทยานฯและเกาะเสม็ด อีกทิศที่ติดกับหาดแสงจันทร์ ทางด้านไออาร์พีซีฯ ซึ่งก็จะเพิ่มเรือขึ้นมาอีก เพื่อสกัดกั้นพื้นที่สำคัญไว้ก่อน โดยการฉีดสารเคมีช่วยสกัด ทำให้น้ำมันตกตะกอนได้เร็วขึ้น เพื่อที่จะไม่ข้ามเข้ามาในเขตอุทยานฯ เขตท่องเที่ยวที่อาจจะเกิดความเสียหายมาก วันนี้ได้มีการประชุมเช้า-เย็นทุกวันผ่านศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล มีผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน
นายอรรถพล อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวต่อว่าทั้งนี้คราบน้ำมันทั้งหมดจะมีประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร แต่ไม่ได้เป็นผืนเดียวเป็นคราบกระจัดกระจาย ยังมีไข่แดงที่เป็นคราบน้ำมันที่มีความเข้มข้นสูง ประมาณ 1.3 ตารางกิโลเมตร ตอนนี้ก็จะคุมทั้งไข่แดง ไข่ขาวให้อยู่ไว้ คุมมันไว้ไม่ให้ออกพื้นที่ ให้ออกน้อยที่สุดแล้วค่อยทำให้มันสลายไปเรื่อยๆ ก็คงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยอีก 2 สัปดาห์ ถ้ามันข้ามไป ก็จะมีบูมสกัดเป็นชั้นๆ ไว้ก่อน สุดท้ายถ้าจะเข้าชายฝั่งก็จะมีอุปกรณ์ในการที่จะดักพวกเศษน้ำมันที่จะขึ้นชายฝั่ง ก็มีการประสานเอกชนให้มาเตรียมรับไว้ ตอนนี้ทางไออาร์พีซีฯ ก็ออกมาเตรียมตั้งไว้แล้ว มีอาสาสมัครพี่น้องประชาชนมาร่วมกันเฝ้าระวังด้วย สถานการณ์โดยรวมน่าจะเอาอยู่ ก็ทำเป็นชั้นๆ เอาไว้ เรื่องการย่อยสลายต้องใช้จุลินทรีย์ จึงจำเป็นต้องฉีดจุลินทรีย์เพิ่มเข้าไป พรุ่งนี้จะเพิ่มจุลินทรีย์เสริมเข้าไปอีก คือจุลินทรีย์มันจะไปกินน้ำมันจนเหลือแต่คาร์ บอนกับน้ำ ก็ต้องให้ระยะเวลาในการสลาย ไม่ใช่ฉีดปุ๊บสลายเลยไม่ใช่ ฉีดแล้วมันแตกตัว พอแตกตัวมันก็จะสลายง่ายขึ้น
นอกจากนี้ก็ได้ติดตามเรื่องคดีความด้วย กรณีปริมาณน้ำมันเท่าไหร่กันแน่ ตนได้แต่รับฟังอย่างเดียวจะบอกกี่แสนลิตรก็แล้วแต่ ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกมาสอบสวน และดูเอกสารทั้งหมด เบื้องต้นได้ประสาน ผบก.ภ.จว.ระยอง เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่ามันรั่วออกมาเท่าไหร่ รอผลสรุปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนใจว่าตอนนี้คราบน้ำมันที่อยู่ในน้ำควบคุมไม่ได้แล้ว ก็ให้มันสลายให้เร็ว.
Discussion about this post