
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ลานต้นโพธิ์โรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 – 11 ปี โดยวันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก ตามที่สำนักงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ได้ร่วมกันวางแผนดำเนินการไว้ ซึ่งเริ่มจากกลุ่มเด็กเปราะบางที่มีโรคประจำตัว หรือเป็นโรคอ้วนก่อน ทั้งนี้ก็ปรากฏว่ามีผู้ปกครองพาบุตรหลานมาเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กกันอย่างต่อเนื่องตามที่ได้รับการนัดหมายไว้จากทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์เด็กเข็มแรกนั้น ได้ฉีดให้กับเด็กชายกฤตภาส ดิสสันดร อายุ 5 ปี 10 เดือน นักเรียนโรงเรียนอนุบาลช้างน้อย จังหวัดสมุทรสาคร แม้หนูน้อยจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ได้คุณแม่และพี่ๆ พยาบาลช่วยกันปลอบและพูดโน้มน้าวใจจนในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ขณะที่หนูน้อยรายที่ 2 คือ เด็กชายทวีชัย เทียนแก้ว อายุ 6 ปี เรียนอยู่โรงเรียนวัดวัดสหกรณ์ฯ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร หนูน้อยรายนี้ไม่ร้องไม่งอแงพร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีนเต็มที่แต่ก็มีคุณแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนบรรยากาศของการฉีดวัคซีนเด็กวันแรกนี้ ก็พบว่าเด็กแต่ละคนที่มาฉีดวัคซีนจะต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองมาด้วย เพราะนอก จากจะเพื่อมาดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังต้องมาสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เด็กๆ ด้วย เนื่องจากเด็กบางคนก็มีใจกล้าหาญอย่างผู้ใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างไม่กลัวอะไร แต่เด็กบางคนก็รู้สึกกลัวจนไม่ยอมฉีดเลยก็มี
ด้านนางสาวสุกัญญา มะลิวัลย์ อายุ 29 ปี คุณแม่ของน้องทวีชัย เทียนแก้ว บอกว่า ที่ตัดสินใจให้ลูกฉีดวัคซีนนั้นก็เพราะรู้สึกกลัวกับเชื้อโรคโควิด 19 ซึ่งลูกต้องไปโรงเรียนต้องเจอเพื่อนๆ มากมาย เราไม่รู้ว่าที่โรงเรียนจะมีเชื้อโรคอยู่บ้างหรือไม่ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เมื่อกลับเข้ามาบ้านแล้วไม่รู้ว่าจะนำเชื้อโรคมาสู่ลูกหรือเปล่า ดังนั้นการฉีดวัคซีนน่าจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดให้แก่ลูกและเด็กเล็กทุกคน แม้จะรู้สึกกลัวอยู่บ้างถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่หลังจากนี้ก็จะต้องเฝ้าดูอาการของลูกอย่างใกล้ชิด และต้องหยุดงานอยู่กับลูกอีก 1 – 2 วัน เพื่อดูอาการหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนของจังหวัดสมุทรสาครนั้น ในวันแรกนี้จะมีกลุ่มเด็กนำร่องของทั้ง 3 อำเภอ เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กประมาณ 1,100 คน จากนั้นก็จะให้โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลสมุทร สาคร อ.เมืองสมุทรสาคร , โรงพยา บาลกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน และ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (มหาชน) อ.บ้านแพ้ว ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 5 – 11 ปี ตามความเหมาะสมในแต่ละวัน โดยจะเริ่มจากเด็กกลุ่มเปราะบางที่มีโรคประจำตัวและโรงเรียนที่มีผู้ปกครองแจ้งความประสงค์จำนวนมากก่อน ซึ่งจะใช้วิธีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดที่โรงเรียน และในระยะต่อไปจะให้ทาง รพ.สต.เข้ามาช่วยในการฉีดให้กับเด็กจนครอบคลุมทั้งหมด ขณะที่การฉีดวัคซีนในเด็ก 5 – 11 ปีนั้น สิ่งที่จะแตกต่างก็คือ จะต้องมีผู้ปกครองติดตามมาด้วย เพื่อช่วยดูแลเด็ก และให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับตัวเด็กได้อย่างถูกต้อง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองด้วย ส่วนเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19แล้วนั้น จะต้องรอให้หายครบเวลาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนจึงจะได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งจากการสำรวจในระยะแรกนี้พบว่ามีผู้ปก ครองประสงค์จะให้เด็กไทยกลุ่มอายุ 5 – 11 ปีในจังหวัดสมุทรสาคร เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวน 26,072 คน จากทั้งหมดที่อยู่ราวๆ 49,044 คน

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศาลาเอนกประสงค์วัดศรีสำราญราษฎร์บำรุง ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ทางเทศบาลนครอ้อมน้อยโดยการนำของนายบุญชู นิลถนอม นายกเทศมนตรีนครอ้อมน้อย ได้ร่วมกับ โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และคณะกรรมการควบคุมโรคอำเภอกระทุ่มแบน จัดจุดฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กอายุ 5 – 11ปี ของโรงเรียนวัดศรีสำราญราษฎร์บำรุง นำร่องในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน โดยมีผู้ปกครองที่ยินยอมให้นักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลที่อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่อายุยังไม่ครบ 12 ปีบริบูรณ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กกว่า 500 คน คิดเป็นราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในอายุ 5 – 11 ของโรงเรียนแห่งนี้
ซึ่งบรรยากาศของการฉีดวัคซีนนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีเด็กกลัวเข็มฉีดยา ร้องไห้กันบ้าง แต่ก็โชคดีที่มีคุณครูมาคอยดูแลปลอบขวัญเด็กๆ ทุกคน อีกทั้งยังได้ทีมเทศบาลนครอ้อมน้อย และอสม.อ้อมน้อย ที่มาเป็นกำลังเสริมให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกระทุ่มแบนในการดูแลเด็กๆ ทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเด็กคนไหนกลัวมากหน่อยก็ต้องมีรางวัลมาปลอบใจกันบ้าง ซึ่งงานนี้นายกฯ อ้อมน้อย ขอควักเงินส่วนตัวมอบเป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่เด็กกลัวแต่ใจกล้า ที่แม้จะไม่อยากฉีดวัคซีนแต่สุดท้ายก็ยอมฉีดแต่โดยดี
ขณะที่การดูแลนักเรียนในกลุ่ม 5 – 11 ปีนี้ จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่พยาบาลและคุณครูที่ทำหน้าที่ดูแลแทนผู้ปกครองในทุกขั้นตอน และเมื่อทำการฉีดวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะนั่งรอดูอาการ 30 นาที จนผ่านพ้นเวลาเป็นที่เรียบ ร้อย ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็จะทำการตรวจวัดไข้ และตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดให้แก่เด็กๆ อีกครั้ง หากปกติดีทุกอย่างก็กลับเข้าชั้นเรียนได้ ทั้งนี้ในส่วนของเด็กที่ไม่เคยได้รับเชื้อโควิด 19 มาก่อน จะได้รับนัดหมายให้มาฉีดเข็ม 2 ในวันที่ 31 มีนาคม 2565 ส่วนเด็กที่เคยได้รับเชื้อมาแล้วแต่ไม่ถึง 3 เดือน จะยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันนี้ ขณะเดียวกันเด็กคนไหนที่เคยรับเชื้อโควิด 19 มาแล้ว แต่เกิน 3 เดือนขึ้นไป ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งแรกนี้เลย และจะฉีดเพียงแค่เข็มเดียวเท่านั้นไม่ต้องเข้ารับการฉีดเข็มที่ 2 ในครั้งต่อไป.
Discussion about this post