เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 10 ก.พ.ว่าที่ร้อยตรีพิรุณ เหมะรักษ์ รองผวจ.ระยอง นายพุทธิกร วิชัยดิษฐ์ อุตสาหกรรมจ.ระยอง ตัวแทนกรมเจ้าท่า ได้แถลงข่าว ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์หมู่บ้านสบายสบาย ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง ได้แถลงข่าว พบน้ำมันรั่วซ้ำตรงจุดเดิมอีกครั้ง
ว่าที่ร้อยตรีพิรุณ ได้กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 09.00 น.วันที่ 10 ก.พ.65 มีการตรวจพบว่ามีน้ำมันรั่วไหลจากห่างจากทุ่นที่รั่วตรงจุดเดิม ห้างฝั่งประมาณ 20 กม. โดยเป็นน้ำมันที่ค้างท่อเดิมที่รั่วครั้งที่แล้ว เบื้องต้นต้นได้มีการส่งเรือออกไปจำนวน 9 ลำออกไปสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เข้ามายังฝั่ง พร้อมมีเฮลิคอปเตอร์ บินตรวจสอบ
เบื้องต้น ประเมินสถานการณ์ คาดว่าไม่รุนแรงเท่า ครั้งที่แล้ว จะมีการติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ต่อมาทางบริษัท สตาร์ปิโตรเลี่ยม รัไฟน์นิ่ง จำกัดมหาชน ได้ออกแถลง การณ์ว่า เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล เพิ่มในเวลา 09.20 น. วันที่ 10 ก.พ.65 ได้พบฟิล์มน้ำมันทางทิศเหนือห่างจากทุ่นผูกเรื น้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือ จุดขนภ่ายน้ำมัน มีการระดมเรือออกไปสกัดแล้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 10 ก.พ.นายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จ.ระยอง ได้กล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากชาวประมง ว่าพบคราบน้ำมัน เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 10 ก.พ. ในช่วงเช้าจึงได้ออกไปตรวจสอบในทะเลตรงจุดที่พบคราบน้ำมัน โดยอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 5 กิโลเมตร รวมระยะทางห่างจากฝั่งประมาณ 25 กิโลเมตร เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณกลางทางตามจุดที่รับแจ้ง พบคราบน้ำมันเป็นวงกว้าง ส่วนสาเหตุคาดเกิดจากการเคลื่อนย้ายท่อ ที่เกิดเหตุครั้งก่อน ที่มีน้ำมันค้างท่ออยู่ น้ำมันจึงไหลทะลักขณะขนย้ายออกมาในทะเล การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดระยองที่ประกาศภาวะฉุกเฉิน จึงไม่สามารถกระทำการใดๆโดยไม่ได้ขออนุญาต การกระทำดังกล่าวจึงเป็น การฝ่าฝืนคำสั่งของจ.ระยอง จนก่อเกิดความเสียหายซ้ำขึ้นมาอีก
ขณะที่ พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้ชี้แจง กรณีบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ SPRCได้ประกาศภาวะฉุกเฉินน้ำมันรั่วไหล Tier 1 (ภาวะน้ำมันรั่วไหลขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน)เนื่องจากพบฟิล์มน้ำมันดิบ (สีเงิน) บริเวณทิศเหนือ ห่างจากทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลประมาณ 3 ห่างจากฝั่งประมาณ 11 ไมล์ทะเล สาเหตุเนื่องจากมีการเข้าไปเก็บหลักฐานเพื่อประกอบทางคดี และมีการสอบสวนถึงน้ำมันในท่อและระบบซึ่งขณะทำการตรวจสอบ ได้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันค้างท่อจำนวนประ มาณ 5,000 ลิตร และบริษัทฯ ได้ขอกำลังทางเรือและอากาศยานจากทัพเรือภาค 1 ขึ้นบินลาดตระเวณตรวจคราบน้ำมันและวางแผนการใช้สารขจัดคราบน้ำมัน เพื่อระงับเหตุให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และอยู่ในวงจำกัด ซึ่งทางผู้บัญชา การทัพเรือภาคที่ 1 ได้ส่งเฮลิคอป เตอร์ ขึ้นสำรวจและกำหนดแนวทางการใช้สารให้ได้ประโยชน์สูงสุดในจุดที่เกิดคราบน้ำมันแล้ว สถานการณ์ล่าสุดคราบน้ำมันอยู่ในวงจำกัดเหลือให้เห็นเป็นแค่ฟิล์มบางๆ.
Discussion about this post