“จำรัส ไกยสิทธิ์ “ทนายชื่อดังหลังให้ข่าวรัฐประหารโดนมือดีเรื้อบ้านค้นหาเอกสารเพียบ ตัดสินใจโร่แจ้งความ 

นายจำรัส ไกรสิทธิ์ อายุ66ปี อาขีพทนายความชื่อดัง อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่3 ตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ จัวหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ตนได้ เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรปลาค้าว กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดอำนาจเจริญ โดยนายจำรัส ไกยสิทธิ์ ทนายความชื่อดัง ประธานชมรมผู้ตื่นรู้ ประชาธิปไตย จังหวัดอำนาจเจริญ ได้เข้าแจ้งความกับร้อยเวร ประจำโรงพัก สถานีตำรวจภูธรปลาค้าว ว่าได้มีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น ที่บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ที่ 11 บ้านคํามะโค้ง ตำบลสร้างนกทา อำเภอเมืองจังหวัดอำนาจเจริญชึ่งเป็นบ้านพักของตน ในช่วงวันที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 และ21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา เวลาประมาณช่วงบ่าย ได้มีผู้ไปรื้อค้น สิ่งของ ในบ้านของตนเอง เกรงอาจเป็นบุคคล ที่ไม่หวังดีกับตน นำสิ่งของที่ผิดกฎหมาย ไปซุกซ่อนไว้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเสพติด กัญชายาบ้า หรืออาจก่อการประทุษร้ายต่อชีวิตของตน ต่อชีวิตและทรัพย์สินของตน เนื่องจากตน เป็นผู้ไปให้ข่าว แจ้งเป็นผู้ ต้านการทำรัฐประหาร ต้านการรัฐประหาร ในเขตจังหวัด อำนาจเจริญ และจะเดินหน้า ทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน เจ้าของแผ่นดินเกิด ตนจึงได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานหากเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับตนเอง ในการใดๆก็ตาม ส่วนพนักงานผู้ สอบสวนคือ ร้อยตำรวจเอก อวยชัย ศรีภิรมย์ ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปลาค้าว อำเภอ เมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งก็ร้อยเวร ได้รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว

นายจำรัสฯ ทนายความชื่อดังเมืองอำนาจเจริญยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ตน ได้เข้าแจ้งความ จะเอาผิดกับ ผู้ทำรัฐประหาร ถามมาตรา 113 ไปแล้วนั้น เนื่องจากตนอยู่ในฐานะประธานชมรมผู้ตื่นรู้ประชาธิปไตยจังหวัดอำนาจเจริญ หากในอนาคตประเทศไทยมีการทำรัฐประหาร ไม่ว่าบุคคน หรือคณะบุคคลใดๆเกิดขึ้นในอนาคต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 มาตรา 113 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ประมวลกฏหมายอาญา หมวด 2 มาตรา 113 ว่าดังนี้ ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ 1.ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ

2.ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารหรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้หรือ
3.แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักรผู้นั้นกระทำการผิดฐานกบฎ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ชึ่งตนได้แจ้งความไว้ที่สถานี้ตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ

ชึ่งในปัจจุบันนี้หลังแจ้งความกับทางตำรวจตนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่ว่าจะการเดินทางไปไหนมาไหน ตนต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ตนก็ไม่เกรงกลัวกับสิ่งที่ชั่วร้าย ตนคิดว่าตนทำถูกต้องแล้ว ขอให้ประเทศไทยต้องอยู่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น ตนมาแปลกใจก็เพราะว่า ทุกครั้งที่ตน กลับบ้านที่พัก จะพบว่ามีร่องรอย มีคนไปรื้อค้นสิ่งของ ของตนในบ้านเรือนของตนพักอยู่เป็นประจำ และหากพบว่ามีการกลั่นแกล้งนำสิ่งของไม่ดีมาซุกซ่อนเป็นสิ่งผิดกฎหมายชุกช่อน ในที่อยู่อาศัยของตน ไม่ว่าจะเป็นกัญชา ยาเสพติด ยาบ้า ก็ตาม ตนจึงได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะตนตั้งแต่เกิดมา จนอายุ 66 ปีแล้วไม่เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ต้นเป็นทนาย ความที่ดี มาตลอด ในบางครั้ง ประชาชนมาขอร้องให้ตนว่าความให้ ฟรี ตนก็รับเพราะตนสงสารชาวบ้าน เพราะชาวบ้านบางคน มีฐานะยากจนมาก ไม่มีเงินที่จะจ้างทนายความขึ้นว่าความให้ในยามที่เกิดปัญหาขึ้นกับตนเอง ตนจึง เข้าไปช่วยเหลือในเรื่องนี้ หลายต่อหลายคน ที่ตนเป็นทนายความฟรีให้นั้น ต่างก็ มีความดีใจ ภูมิใจ ในตัวของตน เวลาเสร็จหน้านา น่าเกี่ยวข้าวเร็จ ชาวบ้านมักจะนำเข้าสาร ปลาแห้ง มาฝากตนถึงบ้านก็มี ตนต้องขอขอบใจ ขอบคุณ ประชาชนทุกคน ที่มีน้ำใจ ชาวบ้านเขามีุน้ำใจแบ่งปันข้าวปลาอาหารให้กับตน ตนไม่ใช่คนจนและไม่ใช่คนร่ำรวย แต่มีเงินพออยู่ในสังคมได้ ไม่หยิบยืมใคร ตนเขื่อว่าการทำดีต้องได้ดี เราช่วยเหลือประชาชน ด้วยใจศรัทธา ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง ตนขอยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างกับประชาชนทุกคน จะจนหรือมี และอยู่กับคนที่ดีและมีใจเป็นธรรมเท่านั้นเงินเป็นเพียงของนอกกายไม่ตายคงหาได้มีพอกินพอใช้ก็พอเพียงแล้ว ถึงแม้ตนตายก็จะตายตาหลับเพราะตนทำแต่ความดี ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสและต้องการความช่วยเหลือตนก็มีความสุขแล้ว/

ภาพ/ข่าว-ทิพกร หวานอ่อน ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดอำนาจเจริญ รายงาน