สุดสะเทือนใจ !! แม่หวังเกาะชายผ้าเหลืองลูกชาย แต่ได้จัดงานศพแทน หลังถูกสาวสองแทงเสียชีวิต เหตุหึงหวงกลัวไปมีรักใหม่ !!

วันที่ 1 มีนาคม 2565 ร.ต.ท.(หญิง) มนัสนันท์ บุรีภักดี รองสารวัตรสอบ สวน สภ.เมืองนครพนม เร่งสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อสรุปการดำเนินคดี กรณีนายสุบัน ภูมิดา อายุ 42 ปี สาวประเภทสองชาวลาวที่หลบหนีเข้าเมืองมาพักอาศัยทำงานรับจ้างอยู่ในเขต อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นานกว่า 10 ปี โดยไม่มีเอกสารเข้ามาในประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อคดีแทงแฟนหนุ่มนายสมพร หอมมะลิ อายุ 29 ปี ทำงานเป็นพนักงานโรงน้ำ แข็งแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จนเสียชีวิตเนื่องจากถูกแทงตัดเส้นเลือดใหญ่บริเวณต้นขาขวา ขณะนั่งดื่มเหล้าร่วมกันจนเกิดปากเสียงเพราะความหึงหวง เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 26 กุมภา พันธ์ที่ผ่านมา ณ บ้านเลขที่ 31/7 ซอยข้างวัดป่าศรีสมพร ใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนเลี่ยงเมือง เขตเทศบาลเมืองนครพนม

ล่าสุดทางตำรวจได้เตรียมควบคุมตัวผู้ต้องหาไปเสนอขอฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดนครพนม โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง เนื่อง จากมีอาการเมาเหล้า และเกิดปากเสียงทะเลาะกันจากปัญหาส่วนตัว แต่ไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย เพียงแค่จะทำร้ายร่างกาย ไม่คิดว่าจะทำให้ถึงแก่ชีวิต และยอมสำนึกผิดพร้อมที่จะรับโทษอาญาตามกฎหมาย ส่วนตำรวจตั้ง 2 ข้อหาหลัก คือ 1.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และ 2.ข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สรุปสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพของผู้เสียชีวิตคือนายสมพร หอมมะลิ เป็นไปอย่างเงียบเหงา ประกอบกับครอบครัวมีฐานะยากจน เนื่องจากพ่อแม่หย่าร้างกันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยผู้ตายมาอาศัยอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยงที่บ้านพักเกิดเหตุ แต่จากครอบครัวยากจน จึงไม่มีเงินประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล จนกระทั่งนางสุวนันท์ หอมมะลิ อายุ 49 ปี แม่แท้ๆ ของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาดูแลค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพของลูกชายตามประเพณีเป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ นางสุวนันท์ หอมมะลิ เปิดเผยว่ามีลูกชาย 2 คน ผู้ตายเป็นคนโต หลังหย่าร้างกับสามี ลูกชายคนโตได้มาอาศัยอยู่กับพ่อที่นครพนม ซึ่งพักอยู่บ้านที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชายคนที่สองมีครอบครัวไปแล้ว ซึ่งตนก็ไปมีสามีใหม่ประกอบอาชีพค้าขายที่ จ.ชัยภูมิ ปกติจะติดต่อลูกชายตลอดไม่เคยทอดทิ้ง พื้นฐานเป็นคนที่ไม่เกเร ทำงานรับจ้างทั่วไปเลี้ยงตัวเอง เคยผ่านการเกณฑ์ทหารเข้ารับคัดเลือกเป็นทหารกองประจำการมาก่อน ที่สำคัญไม่เคยเป็นคนก้าวร้าวไม่มีอารมณ์รุนแรงมาตั้งแต่เด็ก และยังเคยมีภรรยาเป็นหญิงแต่เลิกรากันไป ภายหลังตนไม่ทราบว่ามาคบหากับสาวประเภทสองในช่วงไหน เพราะไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัว เพียงโทรติดต่อสอบถามเรื่องทั่วไปเท่านั้น

ล่าสุดลูกชายได้ตกลงจะอุปสมบททดแทนบุญคุณพ่อแม่ เพราะยังไม่เคยบวชมาก่อน ตนจึงดีใจและได้รับปากลูกชายว่าจะดำเนินการตั้งกองบวชให้ลูกชาย เพื่อเป็นสิริมงคลกับครอบครัว กำหนดพิธีอุปสมบทช่วงเดือนเมษายน 2565 สุดท้ายไม่คาดคิดว่าจากงานบวชที่ตกลงกันจะต้องมาจัดงานศพให้ลูกชายแทน อย่างไรก็ตามตนอโหสิกรรมให้คนก่อเหตุ ไม่ติดใจอะไรถือว่าเป็นกรรมของลูกชาย.