วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านข้าวราดแกง 10 บาท ของคุณชลฑิชา น้อยกลิ่น อายุ 44 ปี ที่มาเช่าพื้นที่เปิดร้านสนิมข้าวราดแกง ในราคาประหยัด มานานกว่า 4 ปี บริเวณใกล้เคียงแยกวุ่นวาย ถนนไปทางเข้า ม.ราชภัฏพิบูลสงครามประตู 3 อ. เมืองพิษณุโลก ที่ยังคงสวนกระ แสวิกฤติข้าวยากหมากแพง ต้นทุนอาหารสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบ 4 ปี ตั้งแต่เปิดร้านมา แต่ยังคงสู้ต่อยืนหยัดขายในราคา 10 บาทเท่าเดิมไม่ปรับราคา คนท้อง คนชรา คนตก งาน ทานฟรีเหมือนเดิม สู้เท่าที่สู้ไหวไม่ไหวก็ปิดร้าน
คุณชลฑิชา น้อยกลิ่น บอกว่า ตอนนี้ต้นทุนทุกอย่างปรับขึ้นหมดเลย ทั้งหมู ไก่ ไข่ ผัก แก๊ส เรียกได้ว่าทุกอย่างที่ปรับขึ้นมันเป็นวัตถุดิบที่ร้านข้าวแกงอย่างเราต้องใช้ ในรอบ 4 ปี ที่เปิดมา รอบนี้หนักสุดจริงๆ แต่ก็พยายามปรับตัวทุกอย่างแล้ว คือจากเดิมที่มีลูกจ้างในร้านหลายคน ก็พอเขาออกไปเราก็ไม่รับเพิ่มแล้ว ตอนนี้คือเหลือตัวเองคนเดียว ทำเองทุกอย่าง ทุกขั้นตอนในร้าน ตั้งแต่ซื้อวัตถุดิบ เปิดร้าน ทำกับข้าว ยันเก็บร้าน ล้างจาน เพราะเราเซฟค่าใช้จ่าย ส่วนเมนูอาหารก็ปรับลดลง วันปกติ จันทร์-ศุกร์ จะทำอาหาร 20-30 อย่าง เสาร์-อาทิตย์ จะทำอาหาร 15-20 อย่าง แล้วก็จะทำรอบเดียว เพราะอยู่คนเดียวไม่ทันจริงๆ ลูกค้าที่มาทานข้าวส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าเก่า จะทราบอยู่แล้ว ว่าทานข้าวเสร็จก็ต้องเก็บจานเอง และคิดเงินเอง จ่ายเอง ทอนเงินเอง ได้เลย เพราะว่าเราไม่ทันบางทีก็อยู่หลังร้าน ที่ผ่านมาก็มีบ้างเงินหาย จ่ายเงินไม่ครบบ้าง ไม่จ่ายบ้าง แต่เราก็คิดซะว่าเหมือนทำบุญเขาคงลำบาก เขาคงไม่มีเงินจริงๆ ตอนนี้ก็จะบอกลูกค้าเสมอว่า เราช่วยลูกค้าก็อยากให้ลูกค้าช่วยเราด้วยสำหรับคนที่ซื้อกลับบ้าน ให้พอกล่องข้าว หรือปิ่นโต มาด้วย เราจะได้เซฟต้นทุนของการซื้อถุง เดือนๆ หนึ่งก็หลายบาทอยู่ ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจให้ความร่วมมือดีเพรานอกจากจะลดต้นทุนแล้ว เรายังลดโลกร้อน ลดการใช้ขยะได้ด้วย
ร้านทุกวัน จันทร์-ศุกร์ จะเปิดตี 5 ถึง 2 ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ 06.00-14.00 น.ราคาอาหารข้าวราดแกง 1 อย่างก็ 10 บาท 2 อย่าง 15 บาท 3 อย่าง 20 บาท คนท้อง คนชรา คนพิการ คนตกงาน ไม่มีเงิน ให้มาทานฟรี ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าร้านข้าวแกงจะไปต่อได้อีกนานแค่ไหน แต่ก็สัญญาว่าจะไปต่อให้นานที่สุด เพราะเห็นใจคนที่เขาไม่มีจริงๆ.
Discussion about this post