
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่าน เรืออากาศตรีกิตติคม คงสมโภช ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปัว ประชุมสรุปข้อมูลตามข้อร้องเรียน จากประชาชนได้ส่งคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบ รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอปัว จังหวัดน่าน
โดยผู้ร้องอ้างว่าเจ้าของกิจการดังกล่าว ได้มีพฤติกรรม สร้างที่พัก และสิ่งปลูกสร้างถาวร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีลักษณะการก่อสร้าง รุกล้ำคลอง ที่ชายตลิ่ง และคร่อมที่สาธารณะ มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำ เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง และก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำเพื่อการเกษตรกรรม และเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ เกรงใจ และมีแนวโน้มที่จะขยายกิจการ อีกทั้งในอนาคตอาจก่อให้การลอกเลียนแบบ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ในพื้นที่จังหวัดน่าน และส่งผลกระทบด้านอื่นๆ
ต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบ จึงมีการเริ่มบังคับใช้กฎหมาย
จากผลการลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ รีสอร์ท ดังกล่าว ตามข้อร้องเรียน พบ รีสอร์ท ดังกล่าวมีโฉนดถูกต้องทั้ง 3 แปลง โดยมีคลอง และพื้นที่รอพิสูจน์ทราบว่า เป็นพื้นที่ว่างเปล่า หรือลำรางสาธารณะคั้นทั้ง 3 แปลงไว้ ส่วนกิจการรีสอร์ทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นโรงแรมประเภท 1 คือ มีเฉพาะห้องพัก แต่ผู้ประกอบการมักจะลักไก่โดย มีการแสดงคอนเสริ์ต มีการจำหน่ายอาหาร หลบเลี่ยง กฎหมาย ขออนุญาตให้บริการเพียง 10 ห้อง แต่ได้รับการอนุญาตและก่อสร้างอย่างถูกกฎหมายเพียง 4 ห้อง แต่ให้บริการมากถึง 18 ห้อง ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตควบคุมอาคาร ตั้งอยู่เขตควบคุมการก่อสร้างตามกฎหมายผังเมืองมีการก่อสร้างอาคาร 16 หลัง แต่มีการขออนุญาตสร้างอย่างถูกต้องเพียง 4 หลังเท่านั้น
ทั้งนี้ รีสอร์ท ดังกล่าวปลูกสร้างบนที่ดินที่มีโฉนด 3 แปลง แปลงที่ 1 และ 2 มีพื้นที่รอพิสูจน์ทราบว่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแต่มีการกั้นพื้นที่ให้เป็นที่ดินผืนเดียวกัน ส่วนที่ดินแปลงที่ 3 อยู่ตรงข้ามกับแปลงที่ 1 และ 2 มีลำคลองปัว กั้นกลางระหว่างที่ดินอยู่ แต่ผู้ประกอบการรุกที่คลอง สร้างสะพานข้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งสร้างฝายน้ำล้นเก็บกักน้ำเอง ทำให้ คนท้ายน้ำไม่ได้ใช้น้ำ รวมทั้งชาวบ้านก็ไม่สามารถหาหอย ปู ปลาในลำคลองเพื่อเลี้ยงชีพ โดยผู้ประกอบการอ้างว่าเป็นปลาที่ทางรีสอร์ทเลี้ยงไว้
ส่วนอาคารที่ใช้เป็นห้องอาหารมีการก่อสร้างชิดตลิ่งคลองปัวไม่เว้นระยะตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้คาดว่าหากตรวจสอบโดยละเอียดหากพบว่ามีการลุกล้ำจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายคือให้รื้ออาคารที่ยังไม่ได้ขออนุญาตรวมทั้งอาคารที่สร้างลุกล้ำพื้นที่สาธารณะทั้งหมดหรือไม่
โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ตามข้อร้องเรียน ด้วยสายตาพบมีอาคารและสิ่งปลูกสร้างลุกล้ำลำน้ำสาธารณะ มีการสร้างฝายน้ำล้นโดยใช้คอนกรีต รวมทั้งอาคารบางหลังสร้างชว้างลำน้ำ รวมทั้งมีการสร้างสะพานข้ามเพื่อเชื่อมพื้นที่ และพบว่าลำรางสาธารณะหายไป
ทั้งนี้หลังจากตรวจสอบแล้ว ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าลุกล้ำพื้นที่สาธารณะชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่รังวัดจากที่ดินจังหวัดน่าน ไม่เข้าร่วมทำการตรวจสอบ อ้างว่าถึงแม้จะเป็นการตรวจสอบก็ต้องเข้าคิวเพื่อขอรังวัดตามคิว ต้องรอเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินตรวจสอบแนวเขตที่ดินให้ชัดเจนก่อนว่าอาคารไหนลุกล้ำอาคารไหนไม่ลุกล้ำ ส่วนอาคารไหนก่อสร้างโดยไม่ขออนุญาตหรือผิดกฎหมาย ต้องรอให้นายทะเบียนโรงแรมหรือผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน มอบหมายอำนาจเพื่อการตรวจสอบ หากพบว่าก่อสร้างโดยไม่รับอนุญาตหรือ รุกล้ำ พื้นที่สาธารณะ หรือ ผิดกฎหมายผังเมืองจะได้ออกคำสั่งทางปกครองให้รื้อถอนทำการแก้ไข หรือหากไม่ทำการรื้อถอนทำการแก้ไข ก็จะดำเนินการประเมินราคาแล้วรื้อถอนแล้วเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนกับผู้ประกอบการต่อไป

ด้าน นายเมธาพัฒน์ ปฏิพัทธ์ภูวโชติ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านนาคำ หมู่ที่ 1 ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านเคยมาร้องเรียนเรื่องการสร้างฝายกั้นน้ำ ว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบและการเดือดร้อนในการใช้น้ำโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง แม้แต่ชาวบ้านจะเดินผ่านลำน้ำเพื่อไปหาปลาก็ยังถูกต่อว่าเชิงเหน็บแนม รวมทั้งมีการนำพันปลามาปล่อยโดยไม่ใช่พันธุ์ปลาพื้นที่ ทำให้ระบบนิเวศน์ลำน้ำเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ในกระบวนการตรวจสอบในวันนี้ยังติดขัด
ด้าน เรืออากาศตรี กิตติคม คงสมโภชน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 ได้ลงพื้นที่จังหวัดน่าน พื้นที่ อบต.ศิลาเพชร เนื่องจากเราได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่าได้รับความเสียหายและเดือดร้อน จากการใช้น้ำในลำรางสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องที่กระทบกับชาวบ้าน จึงลงพื้นที่มาตรวจสอบ โดยการตรวจสอบเราก็ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น อบต.ศิลาเพชร ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ป่าไม้ เรื่องที่ได้รับร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ จะต้องไปดูหน้างานที่รับผิดชอบ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่ในส่วนของ DSI เราก็มาตรวจสอบว่า เรื่องดังกล่าวว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ DSI จะรับขึ้นเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็ต้องมาดูจากข้อเท็จจริงในพื้นที่
ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชน หากพบพฤติการณ์การกระทำผิดหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งไปทางสายด่วน 1202 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือประสานไปยังศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 ซึ่งรับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคเหนือ ก็ขอฝากไว้ว่าหากท่านพบ การกระทำผิดไม่ว่าจะเป็นการ ฉ่อโกงประชาชน ชวนเล่นแชร์ หรือพบการบุกรุกป่า การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ หรือความผิดอื่นๆ หรือหากมีความสงสัยในข้อกฎหมาย หรือต้องการคำปรึกษาก็ติดต่อประสานงานไปได้
@@@@@@@@@@@@@
ประสิทธิ์ สองเมืองแก่น โทร.
Discussion about this post