
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ โกดังเก็บกากขยะอุตสาหกรรม ประเภทกากน้ำมัน และกากสี ประมาณ 1,000 ถัง ถังละ 200 ลิตร ภายในโรงงานแวกกาเบจ รีไซเคิล ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (16 มิ.ย.) โดยมีการระดมรถดับเพลิงจากหลายพื้นที่ และหลายจังหวัด รวมทั้งชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยภาคตะวันตก และหน่วยงาน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าไปดับเพลิง แต่ทำได้เพียงจำกัดเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด จนจนท.ชุดดับเพลิง ต้องทำการเปลี่ยนแผนดับเพลิงโดยใช้โฟมในการดับเพลิง เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้และไม่มีทีท่าจะดับ
จนเวลา 06.00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พร้อม นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง พร้อมสั่งการให้หน่วยปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) ภาค 8 (ราชบุรี) ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตรวจสอบไอระเหยของสารเคมีและก๊าซพิษ บริเวณพื้นที่ชุมชนท้ายลมในระยะ 0.7 – 1 กิโลเมตร เบื้องต้นตรวจไม่พบสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) และจากข้อมูลการรายงานความเสียหายเบื้องต้น พบว่าอาคารโกดังจำนวน 3 หลังถูกไฟไหม้และโครงสร้างเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการตรวจสอบโรงงานแห่งนี้ เป็นโรงงานรีไซเคิลและกำจัดกากอุตสาหกรรม ถือใบอนุญาตถึง 9 ใบ และได้รับใบอนุญาตใบแรก ตั้งแต่ปี 2543 หนึ่งในนั้นคือการรีไซเคิลสีทาบ้าน เชื้อเพลิงทดแทน เศษกระดาษ เศษพลาสติก ซึ่งทำให้การควบคุมเป็นไปได้ยาก อธิบดีกรมควบคุมมลพิษจะบังคับใช้กฎหมายสถานประกอบการ ซึ่งอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ ถูกให้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาผลกระทบกับชาวบ้าน แต่ยังมีการครอบครองวัตถุอันตรายเอาไว้จำนวนมาก และในตัวอาคารยังมีถังสารเคมีผลิตสีแบบหลัง 429 ลัง และแบบถัง 1,541 ถัง พร้อมถังที่ใช้ตัวทำละลาย 4,234 ถัง
ขณะเดียวกันหลังจนท.ดับเพลิงจากหลายพื้นที่ และหลายจังหวัด รวมทั้งชมรมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย หลังได้ใช้ความพยามอย่างหนักเพื่อดับเพลิง จนผ่านไปกว่า 20 ชั่วโมง เวลา 02.00 น. ของวันที่ 17 มิ.ย. จนท.สามารถควบคุมและดับเพลิงได้ แต่ยังคงต้องฉีดน้ำหล่อเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ไม่ให้ไฟประทุขึ้นมาอีก จึงทำให้เกิดกลุ่มควันไฟสีขาวปกคลุมลอยเข้ามาภายในหมู่บ้านจนถึงรุ่งเช้า จนผู้นำหมู่บ้านที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุ ต้องแจ้งเตือนชาวบ้านให้สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันกลุ่มควันไฟที่ลอยเข้ามาปกคลุมหมู่บ้าน เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ

ขณะที่ นายธนู งามยิ่งยวด อายุ 65 ปี ได้เปิดเผยว่า จนการเกิดเพลิงไหม้ ทำให้ชาวบ้านใกล้พื้นที่โรงงานได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งเกิดปัญหามลพิษทางอากาศ และกลิ่นเหม็น ยังไม่รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ที่ลอยมาตกภายในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงาน เตรียมไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้ช่วยเหลือและหาแนวทางป้องกันการเกิดเหตุ เนื่องจากทางโรงงานกำหนดจะขนย้ายถังสารเคมีและกากขยะอุตสาหกรรมออกจากโรงงาน โดยจะเริ่มขนย้ายตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. แต่ก็ไม่มีการขนย้าย จนมาเกิดเหตุเพลิงไหม้
ซึ่งชาวบ้านสงสัยและแปลกใจว่า ทำไมถึงเกิดเหตุเพลิงไหม้ทุกปี จนทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบมาโดยตลอด โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่ส่งกลิ่นเหม็นเกือบทุกวัน จนทำให้เด็กและผู้สูงอายุตลอดจนผู้ป่วยติดเตียง ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งตรวจสอบอย่างจริงจังสักที ไม่ใช่ปล่อยเพิกเฉยอย่างที่ผ่านมา
สุจินต์ นฤภัย(เต้) จ.ราชบุรี
Discussion about this post