
วันที่ 6 กรกฏาคม 2565 นายปกรณ์ จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่อง สอน เป็นประธานในพิธีหล่อเทียนพรรษา ประจำปี 2565 พร้อมด้วยเกียรติศักดิ์ วนากมล และนายสุรัตน์ สังข์สุข รองนายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน นำสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ผู้นำชุมชน พุทธ ศาสนิกชน และนักเรียน เป็นจำนวนมาก ประกอบพิธีหล่อเทียนพรรษา ที่วัดกลางทุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ ในวันที่ 14 กรกฏาคม 2565 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 นั้นเป็นวันเข้าพรรษา เทศบาลเมืองแม่ฮ่อง สอน จึงได้กำหนดจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาขึ้น ระหว่าง วันที่ 6-13 กรกฏาคม 2565 เพื่ออนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมประเพณี แห่เทียนพรรษาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้คงอยู่สืบไป

ประเพณีการหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีหล่อเทียน จัดเป็นพระราชกุศล และเป็นงานบุญทั่วไปของชาวบ้านอีกด้วย โดยกำหนดจัดงานราชพิธีหล่อเทียนขึ้นในเดือน 8 ของทุกปี ก่อน เข้าพรรษาสมัยนั้นการหล่อเทียนใช้หล่อด้วยขี้ผึ้งทั้งสิ้น ในปีหนึ่ง ๆ จะใช้ขี้ผึ้งเป็นจำนวนมากทั้งนี้เนื่องจากบรรดาวัดต่าง ๆ ที่เป็น วัดหลวงทุกวัด จะได้รับพระราชทานเทียนพรรษาวัดละ ๑ เล่ม หรือมาก กว่านั้นทุก ๆ วัด จำนวนเทียนที่หล่อจึงมีมากขึ้น
งานทำบุญหล่อเทียน และถวายเทียนพรรษานับเป็นประเพณีที่ดีงามสม ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จะได้ช่วยกันรักษา ประเพณีนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน สำหรับปีนี้ ได้กำหนดให้มีการถวายเทียนพรรษา ให้กับวัดต่าง ๆ ประกอบด้วย วัดหัวเวียง หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนกลางเวียง, วัดจองคำ หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ รพ.ศรีสังวาลย์ ,วัดก้ำก่อ หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ,วัดพระธาตุดอยกองมู หน่วยงานที่ถวายเทียนได้แก่ วิทยาลัยการอาชีพนวมินทรราชินี ,วัดจองกลาง หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนหนองจองคำ,วัดม่วยต่อ หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนกาดเก่า ,วัดพระนอน หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ รร.ห้องสอนศึกษา ,วัดกลางทุ่ง หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนตะวันออก ,วัดปางล้อ หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนปางล้อ , วัดดอน เจดีย์ หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่ ชุมชนดอนเจดีย์ และวัดผาอ่าง หน่วยงานที่ถวายเทียน ได้แก่มรภ.ชม. วิทยาเขตแม่ฮ่องสอน โดยกำหนดวันที่ 13 กรกฏาคม 2565 เป็นวันถวายเทียนพรรษา อานิสงส์ของการหล่อเทียนหรือถวายเทียนพรรษาแก่พระภิกษุ ถือกันว่าจะทำให้เป็นผู้มีปัญญาดีเจริญก้าวหน้า เหมือนดังแสงเทียนที่สว่างในยามค่ำคืน ซึ่งพระภิกษุสมัยก่อนใช้เป็นแสงสว่างในการอ่านหนังสือธรรมะและประกอบกิจของสงฆ์.
Discussion about this post