กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ขับเคลื่อนนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” นำทัพวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาดและการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่พบหารือเกษตรกร วิสาหกิจชุม ชน และผู้ประกอบการในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ชูสินค้าศักยภาพในพื้นที่ทั้งถั่วลายเสือ กาแฟ และชา พร้อมช่วยหาตลาดและชี้ช่องโอกาสใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกไปตลาดการค้าเสรี
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 เวลา 10.30 น. นางสาว บุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ , นายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ และ นายธีระทัศน์ รังสิวรโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท คอลลาบอเรชั่น จำกัดพร้อมคณะ เดินทางไปวิสาหกิจชุมชนภูมิไทยถั่วลายเสือ อำเภอเมืองแม่ฮ่อง สอนสัมมนา เรื่อง “โอกาสและความท้าทายของถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน ในตลาดการค้าเสรี” โดยมี นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับและจัดสัมมนากับเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลายเสือ ของอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

นางสาว บุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ดำเนินโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” ระหว่างวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2565 ณ จังหวัดแม่ฮ่อง สอน โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรคือ สภาเกษตรกรแห่งชาติ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน และสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่พบหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ผู้ผลิตสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่มีคุณภาพของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และพร้อมส่งออกไปตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ถั่วลายเสือของวิสาหกิจชุมชนภูมิไทย เป็นสินค้าที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิ ศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นเครือข่ายของกรม เข้าร่วมออกงาน FTA Fair จำหน่ายสินค้าและจับคู่ธุรกิจที่ศูนย์การค้าสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ ที่กรมจัดทุกปี โดยได้เตรียมตัวส่งออกสินค้าไปตลาดมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่พบกับวิสาหกิจชุมชนกะเหรี่ยงดูลาเปอร์ ผู้ผลิตกาแฟอาราบิกาห้วยห้อมเกรดพรีเมียม ที่ทำตลาดภายในประเทศและขณะนี้ต้อง การไปตลาดส่งออก และพบหารือกับผู้ประกอบการชา วอลเลย์ เฮ้าส์ ในหมู่บ้านรักไทย ผู้มีประ สบการณ์ปลูกและผลิตชาอู่หลงมากกว่า 30 ปี ซึ่งกรมได้นำวิทยา กรมาให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA กฎระเบียบทางการค้า อัตราภาษีศุลกากร กลยุทธ์การทำตลาด การเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภค การขยายช่องทางจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และที่สำคัญคือแนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งการสร้างเรื่องราว กระบวนการผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานรับรอง การใช้นวัตกรรมสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อให้จำหน่ายสินค้าในราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นประ โยชน์กับผู้ประกอบการในการนำข้อมูลไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป
นางสาว บุณิกา แจ่มใส กล่าวต่อไปว่า กรมได้ดำเนินโครงการดังกล่าวในรูปแบบการจัดสัมมนาและการลงพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งส่งเสริมศักย ภาพของผู้ประกอบการ และพัฒ นาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนให้เป็นผู้ประกอบการ ที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ที่ต้องให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในเรื่องอาหารปลอดภัย การตรวจสอบย้อนกลับ การรักษาสิ่งแวดล้อม การผลิตที่ลดการสิ้นเปลือง การนำกลับมาใช้ใหม่ สินค้า BCG และเน้นความสะดวกของผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้สินค้าที่ผลิตออกมามีตลาดรองรับ

การลงพื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ กรมได้พบหารือกับวิสาหกิจชุมชนภูมิไทยถั่วลายเสือ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ผู้ผลิตถั่วลายเสือ ป๊อบคอร์นดอย และถั่วเสือซ่อนลาย ซึ่งพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่อง สอนมีความได้เปรียบด้านความเหมาะสมของสภาพดินและอากาศเย็นในพื้นที่เพาะปลูก ปลูกมากใน 4 อำเภอ คือ เมืองแม่ฮ่อง สอน ปางมะผ้า ปาย และขุนยวม โดยวิสาหกิจชุมชนได้ใช้ภูมิปัญ ญาท้องถิ่นในการผลิตเน้นกระ บวนการคั่วด้วยเกลือดำและใช้ ใช้วัตถุดิบถั่วที่สดใหม่ และปรุงแต่งรสชาติไม่มาก จึงทำให้ถั่วลายเสือมีคุณภาพเฉพาะที่มีเมล็ดใหญ่ เนื้อแน่น มีรสชาติหวาน มัน กรอบ และมีคุณประโยชน์เป็นแหล่งโปรตีนสูงและเพิ่มน้ำนมให้กับสตรีมีบุตร จึงเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจอีกหนึ่งชนิดที่จะสร้างรายได้ให้กับเกษตร กร และกรมยังได้แลกเปลี่ยนข้อ มูลกับวิสาหกิจชุมชนกะเหรี่ยงดูลาเปอร์ อำเภอแม่ลาน้อย ผู้ผลิตกาแฟอาราบิกาคุณภาพสูง ภายใต้ชื่อ “กาแฟดูลาเปอร์” โดยเป็น การรวมกลุ่มสมาชิกในหมู่บ้านดูลาเปอร์ เพื่อพัฒนาเป็นหมู่บ้านต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนในด้านการคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม การส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้ และการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยปลูกกาแฟแบบปลอดสารเคมี อีกทั้งกรมยังได้พบหารือกับผู้ประกอบการวอลเลย์ เฮ้าส์ หมู่บ้านรักไทย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นผู้ผลิตชาแบบธรรมชาติไม่ใช้สารเคมี มีผลิต ภัณฑ์ชาอู่หลง เช่น ชายอดน้ำ ค้าง ชาหอมหมื่นลี้ ชาก้านอ่อน เป็นต้น และได้คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ชาเปลือกส้ม เป็นชาสูตรพิเศษของวอลเลย์ เฮ้าส์ โดยนำชาอู่หลงผสมกับเปลือกส้มสายน้ำผึ้งอบแห้งที่เป็นผลผลิตในบ้านรักไทย
ปัจจุบัน ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเมล็ดกาแฟ อันดับที่ 42 ของโลก และเป็นอันดับที่ 5 ของอาเซียน รองจากเวียดนาม อินโด นีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าเมล็ดกาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 (เดือนมกราคม-มิถุนายน) ไทยส่งออกสินค้าเมล็ดกาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น เยอรมนี แคนาดา และเกาหลีใต้ และไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟอันดับที่ 15 ของโลก และเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน รองจากเวียดนาม อินโด นีเซีย และมาเลเซีย โดยในปี 2564 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 (เดือนมกราคม-มิถุนายน) ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไปตลาดโลก มูลค่า 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ สำหรับสินค้าเมล็ดกาแฟ ประเทศคู่ FTA 14 ประเทศได้ยกเว้นภาษีศุลกากรจากไทยทุกรายการแล้ว ยกเว้น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และเปรู ส่วนสินค้าผลิตภัณฑ์กาแฟ ประ เทศคู่ FTA ยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรจากไทยทุกรายการ ยกเว้นอินเดีย
นายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการมาติดอาวุธทางปัญ ญาให้กับเกษตรกรผู้ผลิต และให้เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการ จากการผลิตสู่การส่งออก โดยมีกรมการค้าระหว่างประเทศ และกระ ทรวงพาณิชย์ สนับสนุนการส่งสินค้าออกสู่ตลาดโลก กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับสภาเกษตรกร ได้ร่วมสร้างนำร่องให้เป็นรูปธรรมและขยายผลสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยปัจจุบันได้มีการดำเนินการในหลายจังหวัดและจะพยายามขยายผลสู่ความยั่งยืนให้ได้ในอนาคต.
Discussion about this post