
วันที่ 27 กันยายน 2565 นายเจริญ พิมพ์ขาล เกษตรจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย (Smart&Green) และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตำบลแม่แรม ที่สวนส้มยอดดอย บ้านขิ หมู่ 4 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมท่องเที่ยวจังหวัด ภายใต้การสนับสนุนของเทศบาลตำบลแม่แรม ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จ.เชียงใหม่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ และศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 8 จ.ลำพูน มีนายภตวัต ขันธหิรัญ นายอำเภอแม่ริม นายวิชิต เมธาอนันตกุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม น.ส.ชฎารัตน์ เมฆเจริญ เกษตรอำเภอดอยเต่า รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอแม่ริมนายพิทยา ว่างจิตเจริญ ประธานศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัยและการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตำบลแม่แรม พร้อมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่และกลุ่มชาติพันธุ์ เข้าร่วม โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
ระหว่างพิธีเปิด ได้มีการมอบกล้าไม้พันธุ์มากาเร็ต เพื่อให้ชุมชนนำไปปลูกในแปลงดอกไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและรองรับฤดูท่องเที่ยว ก่อนนายพิทยา ได้นำผู้ร่วมงานเข้าชมสวนส้มยอดดอย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกกว่า 20 ไร่ ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมแสดงนิทรรศการด้านการเกษตรและแปรรูปผลิตภัณฑ์ อาทิ น้ำส้ม เก๊กฮวย แบล็คเบอร์รี่ สตอเบอรี่ มากาเร็ต สมุนไพร และพืชผักเมืองหนาว เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
น.ส.ชฎารัตน์ กล่าวว่า ต.แม่แรม เป็น 1 ใน 11 ตำบล อ.แม่ริม ซึ่งมี 12หมู่บ้าน ซึ่งบ้านแม่ขิ หมู่ 4 เป็น 1 ใน 4 หมู่บ้านของชาวไทยภูเขา หรือกลุ่มชาติพันธุ์ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ในปี 64 มีเนื้อที่การเกษตร 1,968.82 ไร่ ซึ่งสภาพภูมิประเทศ ระดับความสูง 750-1,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศเย็น ปลูกพืชได้ตลอดปี มีแหล่งน้ำทำเกษตรเพียงพอ ส่วนใหญ่ปลูกพืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวแบบผสมผสาน
“ช่วง 2-3 ปี เกษตรกรได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ได้พัฒนาการเกษตรแบบพืชเชิงเดี่ยว มาเป็นไร่นาสวนผสม และท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งเกษตรกรรุ่นใหม่ ได้พัฒนาต่อยอดเกษตรดั่งเดิม มาเป็นเกษตรปลอดภัย ภายใต้การฟื้นฟูอนุรักษ์ระบบนิเวศ ผลิตพืชภายใต้มาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย โดยมีนายพิทยา ซึ่งเป็นประธานศูนย์ฯ และเกษตรกรรุ่นใหม่ ได้ขยายผลการเรียนรู้ไปสู่ชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียง ตามแนวทางเกษตรเชิงวิถีพร้อมจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรแม่แรม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่แรมท่องเที่ยวเกษตรนิเวศ เพื่อขับเคลื่อนโครงการและยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนให้ดีกว่าเดิม” น.ส.ชฎารัตน์ฺ กล่าว

นายวิชิต กล่าวว่า เดิมเกษตรกรทำเกษตรเชิงเดี่ยว ทำให้เกิดสารเคมีตกค้าง จึงแนวนโยบายหรือกลยุทธ์ลดการใช้สารเคมีดังกล่าว พร้อมพัฒนาการท่องเที่ยวม่อนแจ่ม เพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน และส่งเสริมการปลูกพืชผักเมืองหนาว เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา จนเกิดสวนส้มยอดยอด โดยกำหนดพื้นที่บ้านแม่ขิ หมู่ 4 เป็นท่องเที่ยวเชิงเกษตรปลอดภัย เชิงวัฒนธรรม และท่องเที่ยวปศุสัตว์ ที่เป็นลักษณะฟาร์ม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งฃแวดล้อม เนื่องจาก ต.แม่แรม เป็นต้นน้ำที่ไหลลงสู่ลำน้ำปิง ดังนั้นชุมชนจึงให้ความร่วมมือลดการใช้สารเคมี และพัฒนาเป็นเกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรปลอดภัยแทน เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปด้วย
“ต.แม่แรม มีม่อนแจ่ม ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แต่ยังเป็นพื้นที่ขัดแย้งระหว่างกรมป่าไม้ กับชุมชนอยู่ ดังนั้นมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียว 40 % ของพื้นที่ทั้งหมด ภายในปี 2570 หรือ 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้พื้นที่ทำกินของเกษตรกรลดลงไปด้วย จำเป็นต้องมีทางเลือกประกอบอาชีพอื่น ที่เพิ่มรายได้ชุมชน เพื่อทดแทนพื้นที่ทำกินที่หายไป ซึ่งการท่องเที่ยว ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ตรงจุดมากที่สุด” นายวิชิต กล่าว
นายวิชิต กล่าวอีกว่า ช่วงฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตั้งแต่พฤศจิกายนนี้ ได้จัดเทศกาลเมฆหมอก ม่อนแจ่ม แม่แรม โดยให้นักท่องเที่ยวดาวน์โหลตแอฟดังกล่่าว เพื่อใช้บริการและมีโปรโมชั่นพิเศษ ลดค่าที่พักและอาหาร 10-20% เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ชุมชนตามเป้าหมายโครงการดังกล่าวด้วย
ด้านนายพิทยา กล่าวว่า สวนส้มยอดดอย ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเกษตรเชิงปลอดภัย ที่มีเป้าหมายฟื้นฟู อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามวิถีชีวิตชุมชน ภายใต้การขับเคลื่อนที่ทุกภาคส่วน นอกจากสวนส้มยอดดอยแล้ว ยังมีสวนบ้านไร่แบคเบอรี่ สวนดอกไม้มากาแรต ดอกเก็กฮวย ดอกไม้เมืองหนาว ที่เบ่งบานรอรับนักท่องเที่ยวมาเยือนในช่วงตุลาคม ถึง มกราคม รวม 4 เดือน ที่นักท่องเที่ยวมาสัมผัสอากาศเย็น ท่ามกลางเมฆหมอก และอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งบ้านแม่ขิ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง สามารถท่องเที่ยวแบบไปกลับ หรือวันเดย์ทริป โดยไม่ต้องพักค้างคืน ซึ่งศูนย์เรียนรู้ฯ อยู่ห่างจากม่อนแจ่ม เพียง 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น
//////////////////////
Discussion about this post