ปราจีนบุรี ช้างป่าอ่างฤาไนเดินมาคุกเข่าไหว้พระ 

วันที่ 29 กย.65 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรีรับแจ้งว่ามีช้างป่าอ่านฤาไนเดินมาคุกเข่าไหว้พระที่หน้าที่กุฎิของพระที่สำนักปฏิบัติธรรมศิริภัทรสีมา หมู่ที่ 2 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อคืนวันที่ 27 กย.ที่ผ่านมาพระอภัยในสำนักปฏิบัติธรรมฯได้ถ่ายรูปช้างตัวดังกล่าวไว้ได้ทันก่อนที่จะเดินหนีเข้าป่าไป หลังจากรับแจ้งจึงเดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าว พบกับพระใบฎีกาวิเชียร ศิริภัทรโท อายุ 77 ปี หัวหน้าปฏิบัติธรรมสิริภัทรโทสีทอง

พระใบฎีกาวิเชียรกล่าวว่าขณะที่กำลังอยู่ในกุฏิช่วงเวลาประมาณเกือบ 20.00 น.ได้ยินเสียงหมาเห่าอยู่ที่หน้ากุฏิ จึงเปิดประตูออกมาดูพบว่าเห็นช้างตัวใหญ่ก้มคุกเข่าอยู่ที่หน้ากุฎิ 3 ครั้ง จากนั้นช้างตัวดังกล่าวค่อยๆลุกขึ้นยืนผงกหัวขึ้นลงแล้วยืนนิ่งพร้อมกับชูวงขึ้นเหนือหัวสะบัดหูไปมาไม่มีท่าทีดุร้าย จากนั้นได้พูดบอกช้างป่าตัวดังกล่าวว่า”ไปเถอะพ่อใหญ่กินอิ่มแล้วก็ไปหาอยู่ในป่า”

จากนั้นช้างป่าตัวดังกล่าวได้ส่งเสียงร้องแล้วเดินจากไปในความมืดหน้ากุฏิ คาดว่าช้างตัวดังกล่าวเป็นช้างป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาอ่างฤาไนที่ข้ามมาหากินฝั่งบ้านหว้าเอน ต.ศรีมหาโพธิ เป็นพื้นที่ของสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งอยู่ห่างจากวัดหว้าเอน 5 กม.ซึ่งเป็นเส้นทางเดินหากินของช้างหนุ่มที่แตกฝูง ที่ผ่านมาช้างจะมาหากินไม่ห่างจากสำนักปฎิบัติธรรมมากนัก และทราบจากหน่วยกู้ภัยและผู้นำหมู่บ้านว่ามีช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่เกือบทุกคืนสลับกับกับช้างฝูง คาดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาช้างป่าตัวนี้อาจเดินมาหากินพืชไร่ของญาติโยมในพื้นที่แล้วเดินเข้ามา มองเห็นหน้ากุฎิของหลวงตามีคชกุศสำหรับควาญช้างมีไว้ติดตัวขณะขึ้นนั่งคอช้างจึงเดินมาคุกเข่าไหว้ช้างอาจคิดว่าตนเป็นควาญช้างที่มีของกำกับช้างสมัยเก่า

“คชกุศ”หรือตะขอช้างเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีการใช้กันในหมู่ผู้ศึกษาพระเวทหรือวิชาอาคม เป็นเครื่องมือเหล่าควาญช้างมีอำนาจในการสะกด และสยบฤทธิ์ต่างๆเนื่องจากเป็นหนึ่งในเทพวุฒิของพระพิฆเนศ พระใบฎีกาวิเชียรกล่าวว่าของสิ่งนี้เป็นของเก่าแก่ที่ล้ำค่าซึ่งได้มาจากจังหวัดบุรีรัมย์.