อบจ.สมุทรสาคร ร่วมกับกลุ่มคนท่อซิ่งบ้านแพ้ว นำเครื่องสูบน้ำท่อพญานาค สูบน้ำในคลองดำเนินสะดวก สกัดน้ำท่วมสวนเกษตร 3 จว.

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่ประตูระบายน้ำบางยาง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ทางกลุ่มคนท่อซิ่งในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จ.สมุทร สาคร ซึ่งได้แก่ ท่อซิ่งของชะลอยกกระบัตร กับ ท่อซิ่งของบ่อกุ้งเสี่ยพงษ์ และทีมงานท่อสูบน้ำซิ่งเด็กดอน ได้ประสานความร่วมมือกับทาง อบจ.สมุทรสาคร นำท่อสูบน้ำพญานาคขนาด 20 นิ้ว 1 เครื่อง และ ขนาด 16 นิ้ว อีก 2 เครื่อง มาติดตั้งที่บริเวณปากประตูระบายน้ำบางยาง เพื่อเป็นอีกแรงหนึ่งในการช่วยสูบน้ำออกจากคลองดำเนินสะดวกให้เร็วยิ่งขึ้น เพราะปริมาณน้ำในคลองดำเนินสะดวกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลทำให้บางแห่งก็เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกับสวนเกษตรกรรม ที่อยู่ติดกับริมคลองดำเนินสะดวก รวมถึงคลองสาขาใน 3 จังหวัดคือ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสมุทรสงคราม

สำหรับสถานการณ์น้ำในคลองดำเนินสะดวกปี 2565 นี้ ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้นอกจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมขังแล้ว ทางกรมชลประทานฯ ยังมีการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ส่งผลทำให้คลองดำเนินสะดวกมีปริมาณน้ำที่สูงมากตามไปด้วยนั้น แม้ประชา ชนริมคลองจะได้พยายามทำแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างถึงที่สุด บางแห่งยังป้องกันได้แต่ก็เกือบจะล้นตลิ่ง แต่บางพื้นที่ก็เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและสวนเกษตรกรรมไปแล้ว ทั้งนี้หากสามารถลดปริมาณน้ำในคลองดำเนินสะดวกลงได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องชาวริมฝั่งคลองฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัดได้มากยิ่งขึ้น

นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า ตามที่ทาง อบจ.สมุทรสาครได้รับทราบปัญญาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำในคลองดำเนินสะดวกนั้น ทาง อบจ.สมุทรสาคร จึงได้ประสานกับผู้ที่มีท่อซิ่งพญานาค หรือท่อสูบน้ำขนาดใหญ่ที่เคยไปช่วยสูบน้ำในพื้นที่ประสบอุทกภัยหลายๆ แห่งมาแล้ว ซึ่งก็ได้กำลังจากพี่น้องกลุ่มท่อซิ่งเหล่านี้มาช่วยกันสูบน้ำในคลองดำเนินสะ
ดวกออกสู่แม่น้ำท่าจีน ควบคู่ไปกับการระบายน้ำของประตูระบายน้ำบางยาง อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พี่น้องประ ชาชนทั้งในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่รอยต่อ ที่อยู่ติดริมคลองได้อีกทางหนึ่งว่า การระบายน้ำออกจากคลองนั้นจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าน้ำจะลดลงจนถึงในระดับที่ก่อให้เกิดความปลอด ภัย.