

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 65 ที่วัดป่าเขาหินเทิน ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน ประธานฝ่ายฆราวาส พระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมคณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ในพิธีมอบตราตั้ง “วัดป่าเขาหินเทิน” มี นางณภัสนันท์ ฉัตรธนาภัคสิริ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดประจวบฯ
น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายชีพ สุกสี สท.หัวหิน และชาวชุมชนหนองแกร่วมในพิธี โดยนายอำเภอหัวหินได้อ่านตราตั้งความว่า ประ กาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องการตั้งวัดในพระ พุทธศาสนา ตามที่ นายพัฒน์ขจร เนียมจันทร์ ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด ที่ ต.หนองแก อ.หัวหิน บัดนี้ผู้รับอนุญาตได้สร้างเสนาสนะขึ้นสมควรเป็นที่พำนักของพระภิกษุสงฆ์และประกอบศาสนกิจแล้ว อาศัยอำนาจตามความในข้อ 10 แห่งกฎกระทรวงการสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย และการยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุง คามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พ.ศ. 2559 และด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม สำนักงานพระ พุทธศาสนาแห่งชาติจึงประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีชื่อว่า วัดป่าเขาหินเทิน สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประ กาศ ณ วันที่ 28 ก.ย.65 ลงชื่อ นายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำหรับวัดป่าเขาหินเทิน เดิมชื่อ สำนักสงฆ์เขาหินเทิน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2544 โดยการรวมตัวของชาวบ้านหนองแก นำโดย นายคล้าย เฟื่องฟู เพราะต้องการมีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ทั้งด้านการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาแบบวัดป่าใกล้หมู่บ้าน โดยขออนุญาตใช้ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเพื่อก่อสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น โดยมีหลวงพ่อสายัณห์ นาควัณโณ รับนิมนต์มาเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์ ในปี 2544 จึงดำเนินการก่อสร้างกุฏิหลังเล็กจำนวน 4 หลัง พร้อมกับปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นรอบพื้นที่ ต่อมาปี 2546 หลวงพ่อสายัณห์ขอลาออกจากหัวหน้าสำนักสงฆ์ ชาวบ้านจึงไปกราบอาราธนา หลวงพ่อเสนาะ สิริจันโท ซึ่งมีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ที่หมู่บ้านหนองแก บรรพ ชาอุปสมบทกับหลวงปู่คำ สุวัณณโชโต วัดหนองแก ภายหลังอุปสมบทเดินทางไปศึกษาปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี หลายปี จึงกลับบ้านเกิดและรับคำอาราธนาเป็นหัวหน้าสำนักสงฆ์เขาหินเทิน และเริ่มพัฒนาสำนัก สงฆ์ตามจริยวัตรของสายวัดป่า โดยสร้างกุฏิหลังเล็กอีก 5 หลัง เพื่อรองรับคณะสงฆ์สายวัดป่ามักเดินทางมาหาสถานที่สัปปายะเพื่อปฏิบัติธรรมหรือเพื่อเยี่ยมเยือนเป็นครั้งคราว ต่อมาได้สร้างศาลาอเนกประสงค์อีก 2 หลัง เพื่อรอง รับศรัทธาสาธุชนที่เดินทางมาที่พักสงฆ์เพื่อบำเพ็ญกุศลในวันสำคัญต่างๆ จนกระทั่งได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวัดในที่สุด.
Discussion about this post