เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ที่คลองเขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ นายอลง กรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครง การฟื้นฟูทรัพยากรประมงบริเวณแหล่งก่อเกิดทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประจำปี 2566 พร้อมด้วยผู้บริหารกระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมประมง โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายมนตรี ลังกาพินธุ์ นายอำเภอกุยบุรี ว่าที่ ร. ต. สมนึก พรหมศร ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมาคมประมง องค์กรประมงชุมชนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนให้การต้อนรับ โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็น การอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำได้สอดคล้องกับการประ กอบอาชีพของเกษตรกรขาวประมงเพื่อความสมดุลและยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่แหล่งก่อเกิดทรัพยากรบริเวณป่าชายเลนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีความเหมาะสมสำหรับการเป็นแหล่งวางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำชนิดต่างๆ รวมถึงปูทะเลได้เป็นอย่างดี ซึ่งกรมประมงได้จัดเตรียมพันธุ์ปูทะเล 1.3 ล้านตัว ปล่อยลงสู่บริเวณป่าชายเลนในเขตตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการด้านการประมง อาทิ การให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปูทะเลเศรษฐกิจชนิดต่างๆ ชีววิท ยาและวงจรชีวิต วิธีการเพาะเลี้ยงและอนุบาลปูทะเล และการขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปูทะเล เป็นต้น รวมทั้งการออกร้านจำหน่ายสินค้าประมงพื้นบ้านจาก Fisherman shop @Prachuapkhirikhan โอกาสนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบพันธ์ปูทะเลให้แก่ผู้นำชุมชน 4 ราย และมอบใบรับรองสินค้าประมงธงเขียวให้แก่ผู้ประกอบการสินค้าประมง 2 ราย จากนั้นได้ลงเรือล่องไปในคลองเขาแดงเพื่อปล่อยพันธุ์ปูลงสู่ท้องทะเล
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรม ชาติเพื่อทรัพยากรประมงที่อุดมสมบูรณ์ควบคู่การสนับสนให้ชุม ชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้มอบหมายให้กรมประมงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสัตว์น้ำที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางเศรษฐกิจอย่างปูทะเลที่ตลาดมีความต้องการสูง กรมประมงจึงได้เร่งเพิ่มปริมาณทรัพยากรปูทะเลในธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์พียงพอต่อความต้องการใช้ประโยชน์ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2562 และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผลผลิตปูทะเลให้ได้ปริมาณ 5,000 ตัน ในปี 2566 โดยจากข้อมูลเติมปี 2561 มีผลผลิตปูทะเลเพียง 1,600 ตัน ปี 2562 มีผลผลิต 3,000 ตัน ปี 2563 มีผลผลิต 3,000 ตัน และในปี 2564 มีผลผลิตปูทะเลในภาพรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ตัน โดยเป็นผลผลิตปูทะเลจากการเพาะเลี้ยงจำนวน 3,400 ตัน และจากผลผลิตการจับจากธรรมชาติ 2,800 ตัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่กรมประมงคาดการณ์ไว้ เชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์และพื้นฟูทรัพยากรปูทะเลในธรรมชาติเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และคืนความอุดมสมบูรณ์กลับมาในระยะยาวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งช่วยรองรับความต้องการบริโภคและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรชาวประมงมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป.
Discussion about this post