วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 นายลับ แดนรักษ์ อายุ 56 ปี และนางมอ แดนรักษ์ อายุ 54 ปี บ้านเลขที่ 56 ม.3 บ.หนองครอง ต.กกปลาซิว อ.ภูพาน จ.สกลนคร เข้าร้องเรียนขอให้ ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ช่วยเหลือ โดยลูกชายของตนคือ อส.ทพ เอกชัย แดนรักษ์ อายุ 25 ปี ปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ ฉก.ทพ.นย.ค่ายเทวาพิทักษ์ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และพื้นที่ จ.ตราด ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา และปี 2559 ได้ปฏิบัติงานที่ฐานปฏิบัติงานคลองมะกรูด ได้ออกลาดตระเวนกับเพื่อน รวม 3 นาย ตามแนวสันเขาบรรทัด เขตชายแดนไทย กัมพูชา ซึ่งในขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่นั้น ได้ตรวจพบลูกระเบิด RPG จำนวน 1 ลูก จึงได้เก็บไปไว้ในที่ปลอดภัย โดยนำไปไว้ที่โรงอาหารภายในหน่วยและเกิดระเบิดขึ้น ทำให้ลูกชายของตนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งในการบำเพ็ญกุศลศพนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้พระราชทานพวงมาลา หน้าหีบศพ ยังความปลาบปลื้มปิติแก่ครอบครัวของตนเป็นล้นพ้น
นางมอ แดนรักษ์ กล่าวว่า ต่อมาครอบครัวของตนก็รอความช่วยเหลือมาตั้งแต่ปี 2559 จนบัดนี้ ปี 2565 แล้ว ก็ยังไม่ได้การช่วยเหลือเยียวยาแต่อย่างใด จึงไปให้ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ให้การช่วยเหลือ ซึ่งได้ส่งเรื่องไปให้ ประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร สอบถามเรื่องไปทางหน่วยต้นสังกัด ซึ่งทางหน่วยงานต้นสังกัดได้ตอบหนังสือถึง ปธ.กมธ.ฯ มา เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2565 ระบุว่า ทหารพรานทั้ง 3 นาย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ และกรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 ก.พ.2565 ระบุว่า อส.ทพ.เอกชัย แดนรักษ์
ประสบอุบัติเหตุถูกระเบิดถึงแก่ความตายระหว่างที่อส.ทพ.นวย กล้วยทอง นำวัตถุระเบิดที่ตรวจพบ
ไปเก็บในพื้นที่ปลอดภัย โดยระหว่างทางได้หยุดพูดคุยกับ อส.ทพ.ปราโมทย์ ภูผา และ อส.ทพ.เอกชัยแดนรักษ์ ซึ่งนั่งพักอยู่ที่โต๊ะโรงครัวและขอดูลูกกระเบิดดังกล่าว เป็นเหตุให้ลูกระเบิดกระทบกับพื้นโต๊ะอาหาร จึงเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ ทั้ง 3 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ อส.ทพ.เอกชัย แดนรักษ์ ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเหตุแห่งการระเบิดแล้ว เห็นว่า การที่ อส.ทพ.ทั้ง 3 นาย ไม่ใช้ความระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ ไปเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยโดยเร็ว ซึ่งวิญญูชน
โดยทั่วไปพึงคาดหมายได้ว่าการกระทำ
ดังกล่าว เป็นการกระทำที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ประกอบกับ อส.ทพ.ทั้ง 3 นาย เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ทหารโดยหน้าที่ ย่อมต้องทราบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรักษาวัตถุระเบิดเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง และถือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ของ อส.ทพ.นวย กล้วยทอง อส.ทพ. ปราโมทย์ ภูผา และ แส.ทพ.เอกชัย
แดนรักษ์ ดังนั้น พฤติการณ์ที่เกิดจึงไม่เข้าเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ทายาทจะมีสิทธิได้รับบำนาญพิเศษ และแจ้งให้ทายาทของ อส.ทพ. เอกชัย แดนรักษ์ ทราบด้วย
นางมอ กล่าวต่อว่า จากหนังสือตอบดังกล่าว ซึ่ง ปธ.กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งมาถึงตนแล้ว ตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะบุตรชายก็มัรนเดียก พวกตนสองผัวเมียไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก เป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีปัญญาไปเรียกร้องอะไรจึงต้องมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจาก ส.ส.นิยม ให้ช่วยเหลือด้วย “ลูกชายโทรมาแต่ตอนกลางคืน แต่วันเกิดเหตุกลับโทรมาตอนกลางวัน สุดท้ายคนอื่นโทรมาให้ทำใจ ลูกโดนระเบิดตายแล้ว ตนถึงกับเป็นลม”
อย่างไรก็ตาม ดร.นิยม กล่าวว่า เรื่องนี้ ความเป็นจริงน่าจะเป็นเรื่องของการทำงานและการทำหน้าที่จริงๆ หากเขารู้ว่าวัตถุที่เก็บมานั้นจะเกิดระเบิดให้คนเองตาย เขาก็คงจะไม่เก็บมา อีกอย่างถ้าไม่เก็บมาชาวบ้านอาจจะไปประสบเหตุแทน ซึ่งจะมีการสูญเสียมากกว่านี้ จึงอยากให้กรมบัญชีกลางได้ทบทวนใหม่อีกครั้ง และหลังจากเปิดสภาฯ เมื่อการประชุมเอเปคเสร็จสิ้น ตนจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ให้ทบทวนเรื่องนี้อีกรอบ เพราะน่าเห็นใจคนเป็นพ่อกับแม่ที่ต้องสูญเสียลูกชายคนเดียว ดร.นิยม กล่าว
//////////////// วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร
Discussion about this post