
วันที่ 18 ธ.ค.2565 เมื่อเวลา 08.00 น.ที่สำนักงานเทศบาลนครนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ขยะกำพร้าหรือขยะที่ไม่รถซาเล้งไม่รับซื้อไม่มีคุณค่าหรือขยะพลาสติกที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ ทางเทศบาลนครนนทบุรีและสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับบริษัท N15 Technology จัดโครงการ “ขยะกำพร้าสัญจร” เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและเปลี่ยนขยะไม่มีประโยชน์ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ให้เป็นพลังงานทดเเทน ส่งให้กับโรงงานอุตสาห กรรมเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนต่างๆ และลดปริมาณขยะในพื้นที่ให้ลดน้อยลง
นาย นิยม ประสงค์ชัยกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี(สวมเชิ้ตแขนสั้นสีเทา) กล่าวว่า เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนช่วยกันคัดแยกขยะระหว่างขยะทั่วไปและขยะที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ส่วนขยะบางจำพวกที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลใหม่ได้นั้น ก็นำมาทำการผ่านกรรมวิธีแปรรูปเพื่อนำใช้เป็นพลังงานทดแทนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของทางเทศบาลนครนนทบุรีในเรื่องของปริมาณขยะที่มากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ปริมาณขยะนั้นมากถึงวันละ 300-400 ตันต่อวัน เดือนนึงรวมแล้วกว่า 12,000 ตันโดย”โครง การขยะกำพร้าสัญจร”นี้เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมปี 2564 แต่การรณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกขยะนั้นได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ โดยได้ทำการประสานไปยังหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น บริษัทN15 Technology ,เทศบาลนครนนทบุรี,สำนักการสาธารณ สุขจังหวัดนนทบุรี,โรงเรียนปัญ ญาภิวัฒน์ และวัดจากแดงซึ่งได้มีการจัดส่งขยะบางส่วนที่สามารถรีไซเคิลได้เช่นขวดพลาสติกต่างๆ เพื่อนำไปผ่านกรรมวิธีรีไซเคิลมีทั้งเปลี่ยนเป็นชุดPPE,เสื้อผ้าต่างๆ , ผ้าห่ม, และอื่นๆอีกมากมาย
ดร.น้ำเพชร ฉัตรปุญญานนท์ ผอ.สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม (ผมสั้นใส่แว่น) กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าการรีไซเคิลเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมของโลกไปแล้วซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และการจัดกิจกรรมนี้จะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของ Drive Thru จะเป็นการขับรถยนต์เข้ามาทิ้งขยะเป็นส่วนมาก ส่วนในชุมชนต่างๆ ทางเรานั้นยังไม่มีศักยภาพที่เพียงพอ แต่จากปีนี้ไป เราจำ เป็นที่จะต้องขยายโครงการนี้ไปให้ถึงในชุมชนอย่างน้อยๆเป็นเขตหรือหลายๆชุมชนมารวมกัน เพื่อทำให้โครงการดังกล่าวมันขยายขึ้นและจะเห็นได้ว่าศักยภาพของคนที่อยู่ในชุมชนที่มีความพร้อมโดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนนทบุรีซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและสังคมเมือง ตรงนี้ก็ต้องขอขอบ คุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ทางด้าน น.ส.พรรษ์สุดา ไก่แก้ว ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวด ล้อมส่วนบริการอนามัยสิ่งแวด ล้อม (สวมหมวกสีขาว) กล่าวว่า ในส่วนของสาธารณสุขก็ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคัดแยกขยะต่างๆตามประเภท โดยการให้ความรู้ จัดตั้งกลุ่ม ทั้งในชุมชนและสถานประกอบการ รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ในด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทึกกลุ่มเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ทั้งยังประสานไปยังบริษัท N15 Technology เพื่อนำรถเข้ามารับขยะที่ถูกคัดแยกแล้ว โดยจะจัดกิจกรรมแบบนี้ในทุกๆ 2 เดือน เพื่อนำขยะเหล่านี้ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า และพลังงานทดแทนอื่นๆ โดยในส่วนของทางเทศบาลเองจะจัดกิจกรรมรีไซ เคิลเดย์ให้กับพนักงานของทางเทศบาลนครนนทบุรีในทุกๆเดือน เพื่อให้พนักงานนำขยะที่ตนเองคัดแยก อละจัดกิจกรรมต่างๆให้กับประชาชนในชุมชนเดือนละ1 ครั้ง ปลูกฝั่งในเรื่องของการนำขยะเปียกหรือเศษอาหารไปทำเป็นปุ๋ย ทั้งนี้กิจกรรมต่างๆ มีวัตถุ ประสงค์คือช่วยลดปริมาณขยะที่มีเยอะอยู่ในตอนนี้และช่วยลดภาระพื้นที่ที่เก็บขยะในตอนนี้ ส่วนขยะติดเชื้อหรือที่ตรวจATKที่ประชาชนนำมาทิ้งนั้น ก็มีบ้างในบางครั้งแต่ทางเทศบาลนครนนทบุรีได้มีการประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการทิ้งไว้แล้วโดยการให้มีการห่อให้มิดชิด และให้เขียนป้ายกระดาษติดเอาไว้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด19 ด้วย
นาย พันธกานต์ ชูโชติ (สวมเสื้อยืดสีดำ)นักวิชาการสุขาภิบาลชำนาญ การเทศบาลนครนนทบุรี กล่าวว่าก่อนหน้านี้ได้มีการอบรบและพูดคุยกับทางบริษัท N15 Technology และได้ประสานงานด้านต่างๆ ทั้งผ่านทางเฟซบุ๊ค และได้เห็นกิจกรรมต่างๆของทางบริษัท N15 มาตลอด และได้เล็งเห็นว่ามีขยะบางประเภทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ก่อนที่จะถูกนำไปฝังกลบขยะเหล่านี้สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ จึงได้จับมือกับทางบริษัทN15จัดทำโครงการ “ขยะกำพร้าสัญจร”ขึ้นมา โดยคำว่าขยะกำพร้ามีที่มาจาก ขยะที่ไม่มีใครเอาไม่สามารถนำไปขายได้ ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ รอเพียงแต่นำไปเผาทำลายหรือฝังกลบเท่านั้น แต่เราเล็งเห็นว่าขยะส่วนนี้ยังมีศักยภาพนำไปเป็นเชื้อเพลิงต่างๆ เป็นพลังงานทดแทน โดยการแปรสภาพขยะเหล่านี้ให้เป็นเชื้อเพลิงRDF (Refuse Derived Fuel) ซึ่งจะนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่ต้องใช้ความร้อนโดยจะนำไปเผารวมกับเชื้อเพลิงเดิม เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลหรือถ่านหิน เพื่อที่จะช่วยลดต้น ทุนทรัพยากรของโรงงานและเป็นการลดปริมาณขยะลงด้วย
นาง ภัชร์พิชา หมู่พฆัคฒ์ อายุ 66 ปี (สวมเสื้อสีครีม) อดีตข้า ราชการเกษียร กล่าวว่า ตนทราบข่าวโครงการนี้จากที่ตนยังมาช่วยทำงานในเทศบาลและได้เข้าร่วมโครงการกับน้องๆ โดยขยะดังกล่าวนี้ที่บ้านตนก็มีพอสมควรเนื่องจากทีาบ้านของตนลูกชอบสั่งของออนไลน์ก็จะมีพวกกล่องกระดาษ ส่วนตัวแล้วรู้สึกดีกับโครงการนี้มากๆ และน่าจะทำให้ครอบคลุมมากกว่านี้ เพราะว่าขยะพวกนี้คนเก็บขยะเขาไม่เอา ที่บ้านจึงแยกขยะเป็นส่วนที่คนเก็บขยะเอาไปขายได้และส่วนที่ขายไม่ได้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้ส่วนที่ขายไม่ได้ก็ต้องทิ้งไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย พอมีโครงการนี้ก็ถือว่า ขยะพวกนี้ยังสามารถนำไปเป็นพลังงานทดแทนได้อีก ในวันนี้เดินทางมาจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนเพื่อนำขยะมามอบให้ ซึ่งตนคิดว่าถ้าเอาไปทิ้งถังขยะแล้วรอให้รถขยะมาเก็บก็จะกลายไปเป็นขยะทับถมไม่เกิดประโยชน์ แต่หากนำมาให้กับโครงการนี้ก็จะเกิดประโยชน์มากกว่า ถึงเเม้ว่าจะเป็นส่วนเล็กๆก็ยังดี
น.ส.ณิชกานต์ รัตนเดช อายุ 33 ปี (ใส่แว่นผมยาว) กล่าวว่าตนรู้จักโครงการนี้ผ่านทางเฟซบุ๊คของN15 Technology และไลน์ของหมู่บ้าน ส่วนตัวแล้วตนอยากช่วยลดปริมาณขยะและช่วยคัดแยกขยะตามประเภทต่างๆ และอยากให้หน่วยงานใหญ่ๆ ตระหนักได้ถึงการทำโครงการนี้ อย่างน้อยๆก็มีที่ที่ให้ขยะเหล่านี้มีการ นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งตนเป็นคนนึงที่คิดว่าบางครั้งเห็นรถเก็บขยะมาเก็บขยะแล้ว เขาก็คดแยกขยะส่วนนึงอยู่แล้วแต่คิดว่า ถ้าเรานำขยะที่เราคัดแยกเองและนำมาให้ที่นี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า และขอเชิญชวนให้ทุกคนช้วยกันคัดแยกขยะให้ถูกวิธี ถูกประเภท จะได้ช่วยกันลดโลกร้อนด้วย และจะได้ทำให้บ้านเมืองของเราสะอาดและน่าอยู่ขึ้นด้วย.
Discussion about this post