
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เผยว่า จังหวัดได้รับแจ้งจากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางว่า ได้ติดตามสภาวะอากาศ และพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (47/2566) ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 05.00 น. ว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในระยะนี้ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในช่วงวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2566 ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าระยะแรกบริเวณประทศไทยตอนบน จากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยจังหวัดแพร่อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2566
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว จึงขอให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังนี้ 1. ติดตาม
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่อาจก่อให้เกิดพายุฤดูร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. ให้ผู้อำนวยการในแต่ละระดับ
เร่งตรวจตราอาคารสถานที่ ป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง รวมถึงไม้ยืนต้นตามที่สาธารณะที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง พร้อมทั้งแจ้งให้หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นทราบ เพื่อตรวจสอบซ่อมแซม ตามอำนาจหน้าที่ ตลอดจนเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมในการสอดส่อง ปรับปรุง ดูแลให้เกิดความปลอดภัยต่อไป 3. ให้ผู้อำนวยการท้องถิ่นเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ ทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทันท่วงที 4.สร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการ
ปฏิบัติตนให้เกิดควาปลอดภัยการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของที่พักอาศัย ช่องทางการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตลอดจนมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐในการดูแลประขาชน ผ่านช่องทางการสื่อสาร ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เครือข่ายอาสาสมัคร เป็นต้น
การเผชิญเหตุ 1. หากเกิดเหตุวาตภัย ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินในพื้นที่ใดให้เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดย สาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่
ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทันท่วงที 4.สร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดควาปลอดภัยการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของที่พักอาศัย ช่องทางการ
รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ตลอดจน
มาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐในการดูแลประขาชน ผ่านช่องทางการสื่อสาร ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เครือข่ายอาสาสมัคร เป็นต้นการเผชิญเหตุ 1. หากเกิดเหตุวาด
ภัย ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินในพื้นที่ใดให้เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามกฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว 2. กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสีย
หายให้แบ่งมอบภารกิจ พื้นที่รับผิดชอบและหน่วยงาน เพื่อจัดกำลังในรูปแบบทีมประชารัฐในการเร่งเข้าซ่อมแชมบ้านเรือนประชาชน 3.กรณีป้ายโฆษณา สิ่งก่อสร้าง ไม้ยืนต้น หรือโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าได้รับความเสียหายให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเข้าดำเนินการแก้ไขไมให้กีดขวางพื้นที่สาธารณะ และซ่อมแซมให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว 4. กรณีความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร
ให้ท้องถิ่นและท้องที่ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือดามกฎ ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว 5. เมื่อเกิดสถานการณ์วาตภัยจากพายุฤดูร้อนขึ้นในพื้นที่ให้ผู้อำนวยการอำเภอรายงานความเสียหาย
และการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่งให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่ทราบ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์ต่อไป ทางโทรศัพท์หมายเลข – 0 5453 3680 โทรสาร 0
5452 2513
ธีรพงษ์ ธงออน/แพร่
Discussion about this post