เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 นายพีรศักดิ์ จิวรรจนะโรดม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ นายนำลาภ อิ่มทั่ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) ปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยสมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.)และประชาชนจาก ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี กว่า 500 คน เดินทางด้วยรถทัวร์โดย สาร 6 คัน รวมตัวกันถือป้ายผ้าประท้วงด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ประจวบฯ ถนนมหาราช 2 เขตเทศบาลเมืองประจวบฯ โดยมีตำรวจ สภ.เมืองประจวบฯดูแลความเรียบร้อย จากนั้นได้เข้ายื่นหนังสือให้ นายศักดิ์ชัย เลิศกิตติวัฒนกุล ผอ.สำนักงาน กกต.ประ จำจังหวัดประจวบฯ ขอให้ทบทวนแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ แม้ว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เนื่องจาก ต.ปากน้ำปราณ เดิมอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 ถูกเปลี่ยนเป็นเขตเลือกตั้งที่ 1 ทำให้ประชาชนต้องลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขตหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นเคย และยุ่งยากในทางแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง
ทั้งนี้กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นยืนยันว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รายใด และเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา มีตัวแทนประชาชนและตัวแทนนักการเมืองท้องถิ่นไปยื่นคำร้องต่อศาลปก ครองเพชรบุรีแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ต.ปากน้ำปราณ มีประชากรประ มาณ 15,000 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 10,000 คน สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนา คม 2562 คะแนนเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคู่แข่งมีผลคะแนนไม่ห่างกันมาก
นายพีรศักดิ์ จิวรรจนะโรดม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำปราณ กล่าวว่าในฐานะตัวแทน ต.ปากน้ำปราณ ได้ยื่นหนังสือ กกต.จังหวัดเพื่อค้านการแบ่งเขตเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จในครั้งนี้ แต่ขอสะท้อนให้ กกต.กลางรับทราบปัญหา เพื่อให้มีผลถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป เนื่องจากพื้นที่ ต.ปากน้ำปราณไม่คาบเกี่ยวกับพื้นที่เลือกตั้งเขต 1 ยืนยันว่าการเดินทางมาร้องเรียนครั้งนี้ไม่มีประโยชน์กับพรรค การเมืองใด และไม่มีนักการเมืองใดให้การสนับสนุน
ภายหลังจากยื่นหนังสือและรับฟังการชี้แจงเหตุผลจาก ผอ.กกต. จังหวัดประจวบฯ ซึ่งระบุว่าแบ่งเขตตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้ว โดยไม่สามารถดำเนินการแบ่งเป็นรูปแบบเดิมตามเขตอำเภอได้เหมือนการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2562 เนื่องจาก อ.หัวหิน มีประชากรมากกว่า 1.2 แสนคน ดังนั้นในเขต 2 จึงต้องแบ่งเขตให้มีประชากรห่างกันไม่เกินร้อยละ 10 เช่นเดียวกับเขต 1 และเขต 3 ซึ่งหลังจากทั้งหมดรับฟังคำชี้แจงแล้วได้เดินกลับด้วยความสงบ.
Discussion about this post