จากกรณีนายอดิสรณ์ อ่อนมาสาย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/3 หมู่ 3 บ้านโคกสนั่น ต.นากอก อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พกเงิน 8 หมื่นมานอนเฝ้าพี่ชายซึ่งป่วยเนื้องอกในสมอง ที่โรงพยา บาลศูนย์อุดรธานีกว่า 20 วัน ซึ่งมีกำหนดผ่าตัดในวันที่ 5 เมษายนนี้ แต่เพราะความอ่อนเพลีย จึงนอนพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ภายในสวนสาธารณหนองประจักษ์ พอตื่นขึ้นมาพบว่าโจรแสบลักกระเป๋าเงินไปหมด ถึงกับทรุดนั่งร้องไห้ เพราะเป็นเงินเก็บสะสมมาตลอดชีวิต และนำมาเป็นค่ารักษาพี่ชาย
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 เมษายน 2566 พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิ์ลี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท. บรรจง พาโคตร พ.ต.ท.(หญิง) จุฑารัตน์ ดำเวียงคำ สว.สส.สภ. เมืองอุดรธานี เรียกประชุมตำรวจสืบสวน เพื่อวางแผนออกสืบสวนติดตามหาคนร้ายที่ขโมยเงินนายอดิสรณ์ ซึ่งจากการตรวจกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง พอจะทราบตัวแล้วว่าคนร้ายเป็นใคร รู้เพียงชื่อเล่นว่านัน และใช้รถจักรยาน ยนต์ในการหลบหนี กำลังสืบสวนหาตัว ซึ่งอาจจะไม่อยู่ในพื้นที่
ต่อมาเวลา 09.30 น. นายอดิสรณ์ อ่อนมาสาย อายุ 52 ปี ผู้เสียหายเดินทางมา สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมกับนางกองงาย ชาดง อายุ 52 ปี ภรรยา และญาติพี่น้องรวม 5 คน เพื่อมาสอบถามความคืบหน้าคดี โดยนายอดิสรณ์ เล่าว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ผู้ป่วยเป็นคนที่ 3 ส่วนตนเป็นคนสุดท้อง หลังแจ้งตำรวจได้เดินทางกลับบ้าน เล่าเรื่องทั้งหมดให้ญาติพี่น้องฟัง ซึ่งต่างก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ เช้านี้ได้พากันมาเยี่ยมพี่ชายที่ป่วย แต่ไม่เล่าเรื่องเงินหายให้ฟัง เพราะพี่ชายเป็นคนอ่อนแอ อาจจะรับไม่ได้ เสร็จแล้วจึงเดินทางมาโรงพัก
“เงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต นำมารักษาพี่ชาย ซึ่งตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน คนป่วยเป็นคนที่ 3 ส่วนตนเป็นคนสุดท้อง ตนรู้สึกสงสารพี่ชาย ได้นำเงินเก็บมารักษาพี่ชาย เพราะสายเลือดตัดกันไม่ขาด แต่เงินมาหายก็รู้สึกเสียดาย หมดไปกับรักษาพี่ชายยังดีกว่าหายไปเพราะคนขโมย จะเอาที่นา ที่ไร่ไปจำนองก็ไม่ได้ ต้องมีใบโฉนดเป็นหลักทรัพย์ ตนมีที่นาแค่ 2 ไร่ และปลูกบ้านบนที่ดินพี่สาว ส่วนพยาบาลทราบข่าวเรื่องเงินตนโดนขโมย ก็ได้แจ้งว่า ไม่ได้เก็บเงินค่ารักษาพี่ชายแค่ครั้งเดียว ทยอยจ่ายก็ได้ เบื้องทราบว่าค่ารักษาพี่ชายเกือบ 2 หมื่นบาท ไม่รวมค่าพักฟื้นหลังผ่าตัด อยากอ้อนวอนคนร้ายให้สงสารตน ซึ่งเป็นคนไม่มีหนทาง ให้นำเงินมาคืน จะเหลือเงินมากหรือน้อย ก็จะไม่เอาเรื่องราวเลย”
ส่วนนางกองงาย ชาดง อายุ 52 ปี ภรรยานายอดิสรณ์ เล่าว่า ตนกับสามีแต่งงานกันตั้งแต่ปี 2554 ได้ทำงานรับจ้างเก็บเงินมา 12 ปี สามีนำเงินมารักษาพี่ชายที่ป่วยตนก็ไม่ว่าอะไร เพราะสงสารลูกเมียก็ไม่ดูแล พี่น้องทุกคนต่างก็ออกเงินช่วยกัน คนละเล็กละน้อย มีตนและสามีเป็นหลักในการดูแลรักษา แต่ไม่คิดว่าเงินที่เก็บไว้จะหาย ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ “หลังจากข่าวออกไป มีคนใจบุญ สงสารพวกตน ได้สอบถามมาว่าจะโอนเงินมาช่วยค่ารักษาพยา บาลจะโอนได้อย่างไร ซึ่งพวกตนไม่มีสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งจะให้นายอดิสรณ์ ไปทำบัตรประชาชน และไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อผู้ใจบุญโอนเงินมาช่วยเหลือได้”.
Discussion about this post