เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 8 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค8 สืบสวนจังหวัดพังงา สืบสวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบสวนจังหวัดกระบี่ และตำรวจกองปราบปราม อาศัยเวลาช่วงเช้าตรู่ 06.00 น.นำหมายศาลจังหวัดพังงา ในข้อกล่าวหาสนับสนุนการค้ายาเสพติดและพรบ.ฟอกเงิน บุกเข้าจู่โจมตรวจค้นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านเขาเปาะ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งพบว่านายสุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) หรือผู้ใหญ่หยาน ไม่ได้อยู่ภายในบ้าน ทางญาติบอกว่าไม่กลับมาบ้าน2-3 วันแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้น และตรวจยึดสิ่งของต่างๆที่คาดว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีเงินในบัญชีธนาคารกว่า4ล้านบาท บ้านและที่ดิน ห้องชุดในต่างจังหวัด วัวและควาย1ฝูงจำนวนกว่า40 ตัว และไก่ชนอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงรถยนต์อีกจำนวนหนึ่ง และกำลังขยายผลยึดทรัพย์ต่างๆเพิ่มเติม พร้อมกับให้ทางญาติติดต่อให้เข้ามอบตัวเพื่อชี้แจง ขณะที่ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระยุทธ การะเจดีย์ รองผบช.ภาค8 ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เพื่อติดตามคดีเนื่องจากเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สำคัญในพื้นที่ตำรวจภาค 8 ซึ่งมี พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ สงพะโยม พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ รองผบก.ภว.พังงา และพ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สืบสวน ภ.จว.พังงา ได้รายงานผิดการปฏิบัติงาน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ได้จับกุมนายบัญชา (สงวนนามสกุล) พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 205 เม็ด ในพื้นที่ หมู่ที่ 5 บ้านเขาเปาะ ตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา จากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายบัญชาฯ ได้รับยาเสพติด (ยาบ้า) จากพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสพในชุมชนและใกล้เคียง เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ พบข้อมูลกลุ่มบุคคลเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดของนายบัญชาฯ และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว จึงได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้กระทำความผิดต่อศาลจังหวัดพังงา ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน จำนวน 30 ราย โดยผู้ต้องหาบางส่วนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และผู้ใหญ่บ้าน และเมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว ได้ขอดำเนินการอนุมัติแจ้งข้อกล่าวหาต่อ เลขาธิการ ป.ป.ส.
หลังจากได้รับอนุมัติ จึงได้ดำเนินการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าว ผลการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 7 คน ยึดทรัพย์สินได้รวมมูลค่าประมาณ 20,500,000 บาท ส่วนผู้กระทำความผิดที่ยังหลบหนีอยู่จะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
Discussion about this post