
บนเวทีการเมืองระดับประเทศ ชื่อของ “ระพีพรรณ โพธิ์ทอง” ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) เขต 1 จ.ลำปาง พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 2 อาจถูกมองว่าเป็นผู้ลงสมัครหน้าใหม่ แต่สำหรับเวทีการเมืองท้องถิ่น จ.ลำปาง หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างรู้กันดีว่า “กบ ระพีพรรณ” คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “ไพฑูรย์ โพธิ์ทอง” นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ในฐานะหัวเรือหลักผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุขที่เป็นรูปธรรมลงสู่ชุมชนเทศบาลเมืองเขลางค์นคร จนทำให้ “ไพฑูรย์” กลายเป็นนักการเมืองที่มีฐานเสียงแข็งแรงที่สุดคนหนึ่ง
ระพีพรรณ บอกว่า ตัวเธอเองเป็นลูกแม่ค้าคนบ้านๆ ทำงานเป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุข เป็นพยาบาลมา 30 ปี ต่อมาทางบ้านเริ่มทำธุรกิจค้าขาย จึงลาออกจากอาชีพพยาบาลมาเพื่อมาดูแลธุรกิจครอบครัวได้ 3 ปีแล้ว “เราอยู่กับครอบครัวนักการเมืองมาตลอด เป็นเบื้องหลังนักการเมืองมา 30 กว่าปี พ่อบ้านเห็นว่าอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ใช้วิชาชีพ ไม่ได้ใช้การลงพื้นที่ชุมชนหลายสิบปีให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็เลยสนับสนุนให้ลงการเมืองในครั้งนี้ ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐก็สนับสนุนให้ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ทำให้เป็นครั้งแรกที่ลงการเมืองระดับประเทศเลย” ระพีพรรณ เล่าถึงที่มาที่ไปในการตัดสินใจลงเล่นการเมือง.
กบ-ระพีพรรณ เคยเป็นประธานคณะที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร และที่ปรึกษาชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ซึ่งต้องลงพื้นที่มาตลอดหลายปีจึงรู้ปัญหาของชาวบ้านเป็นอย่างดี “ปัญหาด้านสุขภาพประชาชน หรือขณะนี้ประชากรใน จ.ลำปางมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เวลาออกไปหาเสียงก็จะพบแต่ผู้สูงอายุอยู่บ้าน ไปตบาดพ่อค้าแม่ขายก็เป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่ คนวัยทำงานที่บ้านเราไม่ค่อยมี ปัญหาปากท้องประชาชนเรื่องการค้าขายเศรษฐกิจฝืดเคือง ก็เลยอยากจะเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องสนับสนุนเรื่องสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึางทางพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายสนับสนุนสวัสดิการผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 3,000 บาท อายุ 70ปีขึ้นไป สนับสนุนสวัสดิการ 4,0000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป สนับสนุน 5,000 บาทต่อเดือน เป็นสวัสดิการที่ให้คนเฒ่าคนแก่ได้มีรายได้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ต้องรอให้ลูกหลานส่งเงินมา สร้างคุณค่าให้กับผู้สูงอายุได้มีเงินใช้จ่าย โดยนโยบายนี้สนับสนุนเงินมากกว่าบัตรประชารัฐ ผู้สูงอายุถือว่าเป็นปูชนียบุคคลที่เราต้องรักษา ลูกหลานทำงานก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องส่งเงินให้พ่อแม่ที่บ้าน พ่อแม่ก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นภาระกับลูกหลานด้วย” ระพีพรรณ กล่าวฯ
ทั้งนี้ ระพีพรรณยังบอกด้วยว่า ในปีที่ผ่านมาผู้สูงอายุใน จ.ลำปาง มีจำนวนเพิ่มสูงมากที่สุดในภาคเหนือ ถ้าผลักดันนโยบายนี้ได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยหลังจากที่ได้ลงพื้นที่หาเสียง ระพีพรรณเปิดเผยว่าพบเจออุปสรรคจากแกนนำหรือผู้ที่เคยสนับสนุนพรรคเดิมๆ ยังมีการต่อต้านอยู่ “ก็ต้องใข้ความพยายามค่ะ อยากจะบอกว่าลองรู้จักแล้วจะรักเอง ผู้สูงอายุยังมีความคิดอยากสนับสนุนคนดั้งเดิม กบเป็นคนหน้าใหม่ค่ะก็เลยยากนิดหน่อย ต้องเข้าไปหา แต่ไม่ได้ท้อไม่คิดจะถอย เข้าไปแนะนำตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้เวลาที่ให้หาเสียงจะมีน้อยเกินไปแค่ประมาณ 45 วัน ก็ออกแนะนำตัวทุกวันค่ะ อุปสรรคนี้มีแทบทุกพื้นที่” ระพีพรรณ กล่าว
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่หาเสียง เขต 1 จ.ลำปาง ระพีพรรณประเมินความนิยมของพรรคพลังประชารัฐจากผลคะแนนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่า จำนวนคะแนนเสียงไม่ห่างจากพรรคที่ชนะเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่สามารถร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ การเลือกตั้งครั้งนี้กระแสความนิยมในนโยบายจากพี่น้องรากหญ้าเป็นที่น่าพึงพอใจ “ขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่น้องชาวลำปางทุกท่านลองให้โอกาสระพีพรรณคนนี้ ได้มารับใช้ดู ระพีพรรณ โพธิ์ทอง เขต 1 เบอร์ 2 ถ้าอยากให้ลำปางเปลี่ยน อยากให้ลำปางพัฒนาขึ้น อยากให้สุขภาพดี เศรษฐกิจดี และอยากให้ลำปางไม่หยุดนิ่งไปตามกาลเวลา กบ ระพีพรรณ เบอร์ 2 ขอฝากให้เป็นทางเลือกที่อยากจะพลิกลำปางดูอีกครั้งค่ะ” ระพีพรรณ กล่าวขอคะแนนเสียง.
Discussion about this post