ราชบุรี – ระทึก! พลทหารเกือบขิต หลังว่ายน้ำข้ามแม่น้ำแม่กลองหวังหนีทหาร

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 20 เม.ย.66 ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชน ขอความช่วยเหลือมีชายวัยรุ่น ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำแม่กลองแล้วกำลังจะจมน้ำ บริเวณข้างตู้ท่าเทียบเรือแม่น้ำแม่กลอง ถ.วรเดช ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงประสาน จนท.สายตรวจรถจยย., จนท.สายตรวจเดินเท้า สภ.เมืองราชบุรี และจนท.มูลนิธิประชานุกูลราชบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมให้การช่วยเหลือชายวัยรุ่นคนดังกล่าว

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบชายวัยรุ่นใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีเทา สวมกางขาสั้นลายดอก ว่ายน้ำอยู่กลางแม่น้ำแม่กลอง แล้วกำลังจะหมดแรงจมน้ำ พร้อมชาววัยรุ่นคนดังกล่าว ยังได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มาปล่อยปลาอยู่บริเวณแถวนั้นอีกด้วย จนผู้ช่วยพนักงานอาสาชุมชน ของตลาดเทศบาลเมืองราชบุรี ได้รับแจ้งและได้ยินเสียงจึงรีบลงไปช่วยเหลือ ทำให้วัยรุ่นหนุ่มคนดังกล่าวรอดตายหวุดหวิด ก่อนจะมีจนท.ทหารจะมารับตัวชายวัยรุ่นคนดังกล่าวไป

จากการสอบถาม นายมนู อายุ 56 ปี ผู้ช่วยพนักงานอาสาชุมชน เล่าว่า ขณะที่ตนเข้าเวรดูแลชาวบ้านที่มาปล่อยปลาบริเวณดังกล่าว ช่วงเวลาประมาณ 11.18 น. ได้มีชาวบ้านที่มาปล่อยปลามาแจ้งตนว่า พบเห็นชายวัยรุ่นกำลังว่ายอยู่กลางแม่น้ำและกำลังจะจมน้ำ ตนจึงรีบไปช่วยเหลือ พร้อมแจ้งจนท.ตำรวจและจนท.มูลนิธิฯ ให้มาช่วยเหลือด้วย

เมื่อลงไปบริเวณท่าน้ำเห็นชายวัยรุ่นกำลังจะหมดแรงว่าย และตะโกนขอความช่วยเหลือจากตน ตนจึงตะโกนบอกให้พยุงตัวเข้าฝั่งให้ได้ ก่อนจะนำเชือกส่งให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าว และลากตัวชายวัยรุ่น มาบริเวณท่าน้ำปล่อยปลา เพื่อให้ชายคนดังกล่าวขึ้นได้ ก่อนจนท.ตำรวจและจนท.มูลนิธิฯ จะมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นจนท.ทหาร จึงขอรับตัวชายคนดังกล่าวไป

นายมนู ยังกล่าวอีกว่า จากการสอบถามข้อมูล ชายวัยรุ่นคนดังกล่าว ได้เป็นทหารเกณฑ์แล้วเข้ามาฝึกทหารเมื่อปี 2564 แต่หลบหนีการฝึกทหารไป จนปีนี้จนท.ทหารสามารถติดตามชายวัยรุ่นคนดังกล่าวกลับมารับการฝึกทหารใหม่ได้ จนครั้งนี้มาก่อเหตุกระโดดลงแม่น้ำ เพื่อว่ายน้ำข้ามแม่น้ำแม่กลองหลบหนี แต่กระแสน้ำช่วงนี้แรงทำให้วัยรุ่นคนดังกล่าวจะหมดแรงและจะจมน้ำ ถ้าไม่มีชาวบ้านที่มาปล่อยปลาคงจมน้ำเสียชีวิตอย่างแน่นอน

ต่อมาทางผู้สื่อข่าว ได้พยายามติดต่อไปยังหน่วยงานทหาร จนทราบว่า ชายวัยรุ่นคนดังกล่าว คือ พลทหารนราวิชญ์ (ขอสงวนนามสกุลและสังกัด) ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว และทางผู้บังคับบัญชาได้ทราบเรื่องราว และได้เรียกสอบพลทหารรายดังกล่าว ถึงความจำเป็นที่ต้องก่อเหตุเช่นนี้ ก่อนจะหาแนวทางช่วยเหลือพลทหารรายดังกล่าวต่อไป.