ตำรวจเชียงรายตามสกัดแก๊งขนยานรก 7 ล้านเม็ด

เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 26 ก.ค.2566 พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตรกูล ผบก.จว. เชียงราย พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส. ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน ผกก.สภ. เชียงแสน จ.เชียงราย และตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จ.เชียงราย สืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติด จะทำการขนยาบ้าล็อตใหญ่ จากชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อลักลอบขนเข้าสู่ชั้นในของประเทศ จึงร่วมกับทหารพรานร้อย ทพ.3102 ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ฝ่ายปกครอง จ.เชียงราย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายเชียงแสน-เชียงของ บริเวณหน้าด่านกักสัตว์เชียงแสน หมู่บ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

เวลาต่อมาพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเทาบรอนด์ ติดป้ายทะเบียนว่า ผฉ 8289 เชียงราย โดยมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีเงินเทา ขับนำไปทางจุดตรวจจุดสกัด เจ้าหน้าที่ได้ให้สัญญาณหยุดตรวจ แต่ปรากฎว่าคนขับรถยนต์กระบะได้เร่งเครื่องและขับฝ่าจุดตรวจจุดสกัดไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดจนถึงหมู่บ้านท่าข้าวเปลือก หมู่ 2 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน คนขับก็ได้ขับย้อนกลับไปทาง อ.เชียงแสน โดยมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านผาเรือ หมู่ 11 ต.ท่าข้าวเปลือก แต่ปรากฎว่ารถยนต์กระบะได้เสียหลักตกลงไปข้างทาง ไปชนกับกอไผ่ไม่สามารถขับต่อไปได้

อย่างไรก็ตามขับได้เปิดประตูรถและอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้เจ้าหน้าที่ จึงได้เข้ายึดรถกระบะเอาไว้ และตรวจสอบที่กระบะพบมีกระสอบฟางจำนวน 25 ใบ ภายในรถอีก 8 ใบ แต่ละใบบรรจุยาเสพติดประเภทยาบ้าใบละประมาณ 200,000-300,000 เม็ด รวมทั้งหมดประมาณ 7,000,000 เม็ด

ส่วนเจ้าหน้าที่ ที่จุดตรวจจุดสกัดสามารถจับกุมตัวคนขับรถจักรยานยนต์เอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาว่านายชัยวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) จึงแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอฟเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน เป็นการกระทำโดยหัวหน้า ผู้มีหน้าที่สั่งการหรือมีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

แต่นายชัยวุฒิ ได้ปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่รู้ว่ารถที่ขับนำเป็นขนยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่ง สภ.เชียงแสน และออกติดตามจับกุมคนขับรถยนต์ที่ยังหลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.