
จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไร้ร่องรอย เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสว่ามีบุคคลของรัฐไม่น้อยกว่า 6 คน เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่จากแนวทางการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องให้การปฏิเสธ ถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี แต่กลับมีปัญหาการตัดไม้พะยูงรายวันในพื้นที่ จ.กาฬ สินธุ์ โดยเฉพาะที่โรงเรียนคำไฮวิทยา ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุง ศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีการเปิดให้นายหน้าเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียนถึง 22 ต้น กับอีก 2 ตอ ในราคา 153,000 บาท ต่ำกว่าราคาตลาด 28-56 เท่าตัว ผู้ว่าฯย้ำส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.- ส.ต.ง.-ป.ป.ท. เอาผิดทางวินัย แพ่ง อาญา ขณะที่ผู้การตำรวจกาฬสินธุ์ เร่งติด ตามนายหน้าซื้อไม้พะยูงโรงเรียนมาสอบปาก ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง เผยสำนัก งานคณะกรรม การศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. สั่งให้ผู้อำนวยการเขตการศึกษาพื้นที่กาฬสินธุ์ เขต 2 ชี้แจง ส่วนอธิบดีกรมธนารักษ์ อ้างรายงานจากธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ว่าธนารักษ์พื้นที่กาฬ สินธุ์ ไม่ได้อนุญาตให้ตัดไม้พะยูงในโรงเรียนคำไฮวิทยาเพื่อนำเงินเข้าหลวง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 23 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนคำไฮวิทยา วิทยา ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุง ศรี จ.กาฬสินธุ์ นายจิรวัฒน์ สุภาพ ผอ.ป.ป.ท. เขต 4 (ขอนแก่น) นายไพรัตน์ ปัจจะวงษ์ ผอ.กองปราบปรามการทุจริต 1 ป.ป.ท. เขต 4 นายชินกฤต กองคำ พนักงาน ป.ป.ท. และนายจิระเดช แสงป้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการขอจำหน่ายต้นไม้ (ไม้พะยูง) จำนวน 22 ต้น และตอไม้จำนวน 2 ตอ มีนายจารุวัตร ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้อำนวยการและคณะครูโรงเรียนคำไฮวิทยา ผู้นำชุมชน ให้ข้อมูล
การลงพื้นที่ของนายไพรัตน์ ปัจจะวงษ์ ผอ.กองปราบปรามการทุจริต 1 ป.ป.ท. เขต 4 และคณะในครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการขอจำหน่ายไม้พะยูงจำนวน 22 ต้น และตอไม้จำนวน 2 ตอ ในโรงเรียนคำไฮวิทยา ราคา 153,000 บาท ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬ สินธุ์เขต 2 ได้มีการขออนุญาตจำหน่ายต้นไม้ในที่ราชพัสดุ จากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ โดยละเอียด
นายไพรัตน์ ปัจจะวงษ์ ผอ.กองปราบปรามการทุจริต 1 ป.ป.ท. เขต 4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการตัดต้นไม้พะยูงไปแล้วจำนวน 17 ต้น คงเหลือจำนวน 5 ต้น กับอีก 2 ตอ จริง เบื้องต้นมีแนวทางเช่นเดียวกับทางจังหวัดกาฬสินธุ์ คือให้ชะลอการตัดต้น ไม้ไว้ก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของการเจาะประเด็น มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องของการคิดคำนวณการประ เมินราคาต้นไม้ ที่มีการประเมินราคาขายไว้ที่ 153,000 บาทนั้น ว่ามีความเหมาะสมคุ้มค่าหรือไม่อย่างไร และเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตัดไม้ ว่าได้ดำเนินการทำตามระเบียบและขั้นตอนของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ในส่วนที่ ป.ป.ท.จะรับเป็นคดีหรือไม่ ก็จะได้นำไปพิจารณาในเชิงลึกต่อไป
ส่วนความคืบหน้าคดีไม้พะยูง 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยาง ตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยคาดว่ามีการซื้อขายกันในราคา 290,000 บาทนั้น ล่าสุดนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ซึ่งดูแลด้านทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกับนายเอกรัตน์ มิสา นายอำเภอยางตลาด ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีกับพนักงานสอบ สวน สภ.โนนสูง ซึ่งทราบว่า ได้ส่งสำนวนไปที่สำนักงาน ป.ป.ช. กาฬสินธุ์แล้ว
นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ. กาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีลักลอบตัดไม้พะยูง หรือการขออนุญาตตัดในพื้นที่ราชพัสดุ ภายในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนดำเนินการป้องกัน และดำเนินคดีกับผู้ทำการฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะหากเป็นข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญา ทางวินัย และทางแพ่ง โดยไม่มีข้อแม้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีไม้พะยูงของกลางหายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อนั้น จากการสอบ ถามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทราบว่าได้ส่งสำนวนไปที่สำนัก งาน ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา เบื้องต้นมีข้าราชการ 6 คน ซึ่งในส่วนของการดำเนินคดีของ ปปช.ก็จะดำเนินการสอบสวนทันทีเพื่อดำเนินคดีความทางอาญา เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนกรณีการลักลอบตัดไม้พะยูงของกลางนั้นก็ ตำรวจกำลังเร่งดำเนินคดีสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่นายอดิศร คงสมกัน หัว หน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เหตุลักลอบตัดไม้พะยูงและไม้หวงห้ามในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงนี้ยังคงเกิดขึ้นเป็นคดีรายวัน โดยเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้แค่ไม้ของกลาง เครื่องมือและสิ่งของ อุปกรณ์ ของคนร้ายเท่านั้น ชี้ให้เห็นว่า มีขบวนการมอดไม้กระจายอยู่ในพื้นที่หลายกลุ่ม ล่าสุด เมื่อกลางดึก (22 ส.ค.66) ที่ผ่านมา พบเห็นกลุ่มผู้กระทำผิด ตัดไม้บริเวณในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงระแนง บ.หนองหล่ม ต.คลองขาม อ.ยาง ตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้ก่อเหตุไม่ทราบจำนวนหลบหนี ตรวจยึดของกลางไม้ยูคา 6 ท่อน ปริมาตร 0.867 ลบ.ม., ไม้สัก 5 ท่อน ปริมาตร 0.581ลบ.ม., ไม้ประดู่ 6 ท่อน ปริมาตร 0.681 ลบ.ม., รถเข็นล้อยาง 1 คัน มูลค่าความเสียหายของรัฐ จำนวน 30,728 บาท จากนั้นนำของกลางส่ง สภ. ยางตลาด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
Discussion about this post