ปศุสัตว์เชียงราย เข้าทำลายหมูยกดอยสะโง้ สกัดอหิวาห์แอฟริกาฯ ระบาดชายแดนเชียงราย

วันที่ 1 ต.ค.2566 นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์ จ.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่หมู่บ้านดอยสะโง้ หมู่ 7 ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ภายหลังพบสุกรของชาวบ้าน 8 ราย จำนวน 68 ตัวได้ตายอย่างผิดปกติและตรวจพบว่าเป็นโรคอหิวาห์แอฟริกาในสกุร (ASF) ทำให้มีการประกาศเป็นเขตโรคระบาดชั่วคราวชนิด ASF เพราะมีแนวโน้มจะระบาดออกไปโดยห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ออกนอกพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตรนี้น ล่าสุดยังได้มีการรวบรวมสุกรที่เหลือเพื่อกำจัดสำหรับป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเต็มรูปแบบ

โดย นางหมี่แอ แซ่แจ้ ชาวบ้านเลขที่ 157 หมู่บ้านดอยสะโง้ กล่าวว่า ตนเลี้ยงสุกรหรือหมูดำอยู่จำนวน 12 ตัว มีมูลค่าตัวละราคาประมาณ 2,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าจะจ่ายค่าชดเชยตามระเบียบให้ตัวละ 900 บาท ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะที่ผ่านมายังชีพอยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสุกรดังกล่าว ปัจจุบันทุกตัวก็ยังเลี้ยงอยู่ในคอกโดยยังไมได้ขายออกไปหรือสุกรก็ยังไม่ได้ตายแต่อย่างใด

ทาวด้านนายพืชผล กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้พบสถานการณ์การตายของสุกร และในวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้เข้าไปดำเนินการทันทีกระทั่งวันที่ 1 ต.ค.นี้ จึงได้มีทำลายสุกรเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นพาหะนำโรครวมทั้งแก้ข้อมูลที่กระจายออกไปว่ามีสุกรตายกว่า 100-200 รายซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะแท้ที่จริงมีเพียง 68 ตัว ส่วนสุกรที่เหลืออยู่ในปัจจุบันมีจำนวน 170 ตัวของเกษตรกร 33 ราย ซึ่งจะได้ทำลายทั้งหมดภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ตามระเบียบปศุสัตว์เรื่องการจ่ายค่าชดเชยโดยให้ชาวบ้านยืนยันรับรองและผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินราคาตามขั้นตอนต่อไป

สำหรับพื้นที่ที่พบโรค ASF ที่ดอยสะโง้ อ.เชียงแสน อยู่ใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมา และไทย-สปป.ลาว และหลังพบสุกรติดเชื้อแล้วทางด่านกักกันสัตว์เชียงราย ได้ตั้งด่านตรวจสอบการขนย้ายหรอลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออก และแจ้งให้หมู่บ้านในรัศมี 1 กิโลเมตร งดเว้นการเลี้ยงสุกรหรือนำสุกรเข้ามาเลี้ยงโดยเด็ดขาดจนกว่าเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จะประเมินว่าพื้นที่มีความปลอดภัยจากเชื้อ ASF ส่วนพื้นที่ในรัศมีตั้งแต่ 1–5 กิโลเมตร ให้เฝ้าระวังหากพบสุกรป่วยตายผิดปกติอีกให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วน และพื้นที่อื่นๆ ในเขต อ.เชียงแสน และอำเภอข้างเคียง ให้เฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดแล้ว.