เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00 น. พ.ต.อ.ดเรศ กัลยา รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเรือง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สามารถจับกุมตัว นางใจร้าย (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ตำบลนาชาว อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ได้แล้วหลังผลชันสูตรจากแผนกนิติเวชโรงพยาบาลน่าน ออกมาแล้วว่า นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี สามี ของนางใจร้าย (นามสมมุติ) ได้นอนเสียชีวิตบนที่นอนบริเวณชั้นล่างของบ้านที่เกิดเหตุ จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 15.30 น.ต่อมาเวลา 22.30 น. ได้ร่วมกับแพทย์นิติเวช รพ.น่าน ชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ซึ่งพบบาดแผลถลอกบริเวณกลางลำคอ และพบแผลขีดข่วน บริเวณ คางด้านซ้ายและบริเวณแก้มด้านขวา ซึ่งไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต พงส.สภ.เรือง จึงได้ส่งศพ ไปผ่าชันสูตรที่ รพ.น่าน เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พงส.สภ.เรือง ได้รับรายงานผลการชันสูตรพลิกศพ จากโรงพยาบาลน่าน ซึ่งแพทย์ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพสันนิษฐานการตายเบื้องต้นว่า ขาดอากาศจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ

จากนั้น พงส.สภ.เรือง ได้ทำการสืบสวนสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่า นางใจร้าย (นามสมมุติ) ภรรยาของนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) ผู้ตายถูกสามี ผู้ตายข่มเหง และทำร้ายอยู่เป็นประจำ จากนั้นจึงได้เรียกนางใจร้าย (นามสมมุติ) ผู้ต้องหามาทำการสอบสวนอย่างละเอียด ผู้ต้องหาให้การสารภาพด้วยอาการอิดโรย เหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน และทำการสอบสวนอย่างละเอียด จนกระทั้งนางใจร้าย (นามสมมุติ) ผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นคนที่ลงมือฆ่า นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) สามีของตนจริง โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. ขณะที่นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) ผู้ตายนอนหลับอยู่บนที่นอนบริเวณชั้นล่างของบ้านในลักษณะนอนตะแคง นางใจร้าย (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา นึกถึงเรื่องที่นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) ผู้ตาย ชอบทะเลาะหาเรื่องผู้ต้องหา ทำร้ายอยู่เป็นประจำและเคยบีบคอ นางใจร้าย (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา จึงเกิดความคิดชั่ววูบ อยากที่จะฆ่านายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) เนื่องจากกลัวว่าสักวันนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) จะมาทำร้ายจะฆ่าตนอีก ตนเองมองเห็นผ้าขาวม้าและผ้าพันคออยู่ที่ราวตากผ้า ในบ้าน ผู้ต้องหาจึงได้ใช้ผ้าขาวม้ามามัดมือนายเคราะห์ร้าย ฯไขว้หลัง ขณะที่นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) นอนตระแคง แล้วพลิกให้นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) นอนคว่ำหน้าลงบนที่นอน จากนั้นได้นำผ้าพันคอชนิดบางของผู้ต้องหามา รัดคอของนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) และใช้ถุงหิ้วพลาสติกร้านสะดวกซื้อ ที่วางอยู่ใกล้ๆ นำมาซ้อนกัน2 ชั้น สวมที่หัวของนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) จากนั้นได้นั่งที่หลังนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) แล้วใช้มือทั้งสองข้างตึงผ้าพันคอที่รัดคอนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) ได้ดิ้นรน ผู้ต้องหาจึงใช้มือข้างข้ายปิดจมูกนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) และผ้าขาวม้าที่มัดมือนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) จึงใด้ใช้มือมาแกะออก แต่หมดแรงถึงแก่ความตายในเวลาต่อ โดยใช้ระยะเวลา ประมาณ 10 นาที แล้วผู้ต้องหาได้แกะผ้าที่รัดคอออก แล้วพลิกตัวนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) กลับมานอนหงาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นนางใจร้าย (นามสมมุติ)ผู้ต้องหาได้นำผ้าชาวม้าและผ้าพันคอชนิดบางที่ใช้ในการกระทำผิดไปเผาบริเวณข้างรั้วภายในบ้าน ซึ่งจากการตรวจที่เกิดเหตุพบร่อยรอยการเผาสิ่งของบางอย่าง บริเวณข้างรั้วบ้านและผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นจุดที่นำผ้าขาวม้าและผ้าพันพันคอชนิดบางใช้ในการกระทำผิด ไปเผาจริง
หลังจากนั้นก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจัดงานศพผู้ตาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่พบพิรุธว่า นายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ) ผู้ตายไม่ได้ตายเองโดยธรรมชาติ ตนก็จัดงานศพผัวจนทำการประชุมเพลิงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ตลอดทุกคืนจนถึงวันเผาช่วงกลางคืนเสียงหมามาหอนรอบบ้าน ตนเองก็เห็นภาพหลอนเหมือนนายเคราะห์ร้าย (นามสมมุติ)
ผู้ตายมาเดินอยู่ในบ้าน หลังจากเผาเสร็จ ทุกคืนจะมีหมาหอนมาตามถนน และตนหลอนจนได้ยินเสียงผู้ตายซึ่งเป็นผัวของตนได้มาตะโกนเรียกชื่อตน และถามว่า “มึงฆ่ากูทำไม” ทุกคืนจนตนไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่มาเรียกไปสอบปากคำ ตนจึงสารภาพว่าได้ฆ่าผัวไปจริง ยอมชดใช้กรรมเพราะไม่ไหวจากการโดนหลอกหลอนทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
จากนั้นทาง พงส.สภ.เรือง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานางใจร้าย (นามสมมุติ)ว่าเป็นความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นตายและกระทำความรุนแรงในครอบครัว” และการกระทำของผู้ต้องหา โดยไม่มีการจับกุมหรือควบคุมตัว และนำตัวผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบการรับสารภาพ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
Discussion about this post