
“พญานาค 2” ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งชะลอพร่องน้ำเขื่อนลำปาว กู้วิกฤติสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดกาฬสินธุ์ กำชับทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือ ขณะที่ยอดความเสียหาย พื้นที่นา ไร่ บ่อปลา การเกษตรเสียหายนับแสนไร่ พร้อมนำเสนอนายกรัฐมนตรี ต่อแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสานอย่างเป็นระบบในอนาคต
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมเอนก ประ สงค์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย นายพลากร พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย นายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส. กาฬสินธุ์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น.ส.นนทิชา วรรณสว่าง ผู้ตรวจราชการกระทรวงเษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 12 พร้อมคณะทำงานรัฐมนตรีฯ เข้ารับฟังการราย งานปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว และสถานการณ์น้ำท่วม จากนายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ นางอัศนีย์ญ บุษบาแย้ม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุรพล สวนกัน ผู้อำนวยการชลประทานจังหวัดกาฬ สินธุ์ นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครง การส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์
สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดจากฝนที่ตกอย่างหนัก ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ถึงปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งจังหวัด ทำให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ที่ยังได้รับอิทธิพลจากน้ำป่าไหลเข้าอ่างด้าน อำเภอศรีธาตุ จ.อุดรธานี และน้ำป่าจากเทือกเขาภูพาน ส่งผลให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำเพิ่มอย่างรวดเร็วจนเกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์โดยปีนี้มีปริ มาณน้ำไหลเข้าอ่างมากกว่าถึง 2,200 ล้านลูก บาศก์เมตร จากความจุระดับกักเก็บที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27% เฉพาะในเดือนกันยายน มีมากถึง 1,063 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.66 – วันที่ 17 ส.ค.66 มีการพร่องน้ำเรื่อยมา เพื่อรองรับน้ำใหม่ และเริ่มระบายน้ำบริเวณอาคารผันน้ำ ตั้ง แต่วันที่ 15 ก.ย.66 ซึ่งเริ่มจากวันละ 1 ล้านลูก บาศก์เมตร เพิ่มขึ้นไปถึงวันละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร และไต่ระดับแบบขั้นบันได ระบายในช่วงปริมาณน้ำเกินระดับกักเก็บ100 เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยวันละ 15-25 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายสูง สุดที่วันละ 29 ล้านลูกบาศก์เมตรจำนวน 4 วัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน และรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างฯอย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่งมากกว่า 120 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันล่าสุดเขื่อนลำปาวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 2,005 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 101% ของความจุ ระดับน้ำหน้าอ่างลดลงจากที่สูงสุดแล้ว 21 ซม. จาก 164.29 ม.รทก.ลงมาอยู่ที่ 164.08 ม.รทก. แต่ยังสูงกว่าระดับเก็บกักอยู่ 8 ซม. ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการปรับลดการระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ลดเป็น 25 ล้านลูกบาศก์เมตร, วันที่ 6 ต.ค.ลดเป็น 22 ล้านลูกบาศก์เมตร และล่าสุดวันนี้ 8ต.ค. ลดเป็น 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้านสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันได้รับผลกระทบจำนวน 10 อำเภอ แยกออกเป็น 2 สถานการณ์ คือ สถานการณ์น้ำท่วมด้านเหนือเขื่อน จากระดับน้ำของเขื่อนลำปาวที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นพื้นที่รอบเขื่อนลำปาว และเป็นเอกสารสิทธิ์สัญญาเช่าของกรมธนารักษ์ ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอท่าคันโท อำเภอหนองกุงศรี อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสามชัย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอห้วยเม็ก รวม 24 ตำบล 134 หมู่บ้าน 3,710 ครัวเรือน มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 564 หลัง ด้านเกษตรได้รับผลกระทบ 29,445 ไร่ ด้านประมง 95 ไร่ และถนน183 สาย ในส่วนสถานการณ์น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อน จากการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว ได้รับผลกระทบจำนวน 5 อำเภอ ประ กอบด้วย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอยางตลาด และอำเภอกมลาไสย รวม 31 ตำบล 228 หมู่บ้าน 6,120 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 738 หลัง ด้านเกษตรได้รับผลกระทบ 55,224 ไร่ ด้านประมง 374 ไร่ และถนน 64 สาย
ทั้งนี้ภายหลังจากรับฟังรายงานสถานการณ์ที่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังอาคารผันน้ำเขื่อนลำปาว พร้อมกับได้กดปุ่มลดบานประตูชะลอการระบายน้ำลงในพื้นที่ราบลุ่ม เพื่อลดความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ กับเตรียมการให้ส่วนราช การ และประชาชน ประกาศเตือนภัยเพื่อรับมือกับมวลน้ำในลำน้ำชีที่จะไหลเข้ามาสมทบในพื้นที่กาฬสินธุ์
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วงเนื่องจาก เขื่อนลำปาว ยังจำเป็นที่จะต้องทำการระบายน้ำ เนื่องจากอิทธิพลน้ำป่าที่ไหลเข้ามา จาก จ.อุดรธนี และ แนวเขตเทือกเขาภูพาน ได้เติมเข้าอ่างอย่างต่อเนื่องเฉพาะวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. แต่ขณะนี้เกินปริมาณกักเก็บ ซึ่งแนวทางซึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้มาตรวจเยี่ยม จะมีการนำเสนอแผนการปรับเปลี่ยนทางน้ำ ให้มีการผันน้ำลงแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นการทำอุโมงค์หรือการสร้างระบบชลประทาน ให้ครบวงจร ที่จำเป็นจำต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่หากเปรียบเทียบความเสียหายในแต่ละปี เชื่อว่าจะเป็นแผน ที่ดีในการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสานทั้งนี้ภายหลังน้ำลด การช่วยเหลือ จะเกิดขึ้นทุกรูปแบบ โดยการนำของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกกระทรวงฯ โดยเฉพาะ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำการเยี่ยวยาพี่น้องประชาชน ให้ดำรงชีวิตได้ และในขณะนี้ได้ทำการสำรวจในเรื่องความเสียหายเอาไว้แล้ว
จากนั้นนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภคให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่บ้านท่าเรือ ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด และ บ้านท่าสิน และบ้านสีดา ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ รวมจำนวน 700 ครัวเรือน โดยมี นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย นายพลากร พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และนายทินพล ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคเพื่อไทย ส่วนราชการร่วมให้กำลังใจพี่น้องประชาชน โดยพบว่าหลายครอบครัวเริ่มป่วยเป็นโรคผิวหนังและซึมเศร้า ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ได้จัดทีมแพทย์เข้าดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยก็จัดเตรียมเรือและการอพยพประชาชนหากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก.
Discussion about this post