
วันที่ 15 พย.66 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรีรายงานว่า อดีตภรรยาลุงคูณ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน จากกรณีที่ลุงคูณ (อดีตสามี) มีอาการเหม่อลอยเพ้อพกอยู่ 3 วันและหนีออกจากบ้านเมื่อคืนวันที่ 7 พย.66 ลูกและญาติๆออกตามหาแต่ไม่พบตัว กระทั่งบ่ายวันที่ 8 ลุงคูณได้เดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพระลูกวัดที่สำนักสงฆ์ทรัพย์เจริญธรรม ห่างจากบ้านหลายสิบกิโลเมตร โดยพระลูกวัดบอกว่าลุงคูณมาขอความช่วยเหลือให้โทรหาลูกชายว่ากลับบ้านไม่ถูกให้มารับตัวได้ที่สำนักสงฆ์ ญาติและลูกๆมีความคิดเห็นตรงกันว่าถูกวิญญาณผีตายโหงตามรังควานตามรายละเอียดที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
หลังจากที่นำตัวลุงคูณกลับมาที่บ้านอาการก็ยังคงนั่งเหม่อและจะหนีออกจากบ้านอย่างเดียว โดยลุงคูณเพ้อว่ามีวิญญาณผีจะมารับไปอยู่ด้วยและกำลังจะมารับ ลูกชายทั้งสองต้องหยุดงานคอยมาเฝ้าดูแลพ่อเกรงว่าจะหนีออกจากบ้านตามหาตัวไม่เจอ วันต่อมาลุงคูณมีอาการเพ้อหนักกว่าเดิมโดยเดินหลับตาและเพ้อว่าผีจะมารับไปอยู่ด้วย และเดินตรงไปที่ต้นสักซึ่งอยู่หน้าบ้านญาติและหลับตาปีนขึ้นต้นสัก ญาติเห็นจึงนำตัวลงมา และเฝ้าดู ลูกและญาติๆปรึกษากันว่าจากอาการดังกล่าวอยากให้หมอปลามือปราบสัมภเวสีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ลงมาช่วยเหลือก็มาทำการขจัดวิญญาณที่มารังควานออกไป หมอปลามือปราบสัมภเวสีส่งข่าวผ่านสื่อว่าวันจันทร์ช่วงเย็นจะลงมาให้การช่วยเหลือ
ขณะเดียวกันมีสื่อมวลชนบางสำนักเข้าไปทำข่าว โดยได้รับข้อมูลจากชาวบ้านว่าลุงคูณไม่ได้ถูกผีเข้าสิง แต่เกิดจากอาการเครียดเนื่องจากเครียดเมียหอบเงิน 50,000 บาทหนีไป จึงทำให้ลุงคูณเสียใจและจิตตกกลายเป็นคนซึมเศร้า
ช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา อดีตเมียลุงคูณได้ดูข่าวถึงกับเป็นลม จากที่นักข่าวนำเสนอข่าวว่าตนเองหอบเงิน50,000 บาทหนีลุงคูณหนีไป ลูกและญาติๆต่างโทรกันมาถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยอดีตภรรยาลุงคูณบอกลูกและญาติๆว่าไม่เป็นความจริงและไม่ได้นำเงิน 50,000 บาทหนีลุงคูณไปแต่อย่างใด จากการที่มีการนำเสนอข่าวว่าตนเองหอบเงินหนีลุงคูณไปนั้น ตนเองได้รับความเสียหายและเสียชื่อเสียงจึงให้ลูกสาวพาไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินคดีกับการที่มีการนำเสนอข่าวว่าหอบเงิน 50,000 บาทนี้ลุงคูณไป
ร.ต.ท.วิโรจน์ เผือกจันทึก รองสารวัตรเรียนสอบสวนสภวังตะเคียนดูรายละเอียดข่าว โดยได้เชิญตัวนายพรศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาสอบถาม โดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้การว่าตนเองไม่ทราบมีลูกบ้านพูดกันถึงเรื่องที่ลุงคูณถูกเมียทิ้งและหอบเงินหนีไปตนเองก็พูดตามและได้มาสอบถาม ไม่ได้เป็นคนพูดทำให้เมียลุงคูณเสียหาย เพียงแต่ได้ยินชาวบ้านพูดกัน และได้ขอโทษเมียลุงคูณต่อหน้าพนักงานสอบสวน
พนักงานสอบสวนได้อธิบายให้กับอดีตเมียลุงคูณทราบว่าการที่มีการนำเสนอข่าวว่าอดีตเมียลุงคูณหอบเงิน 50,000 บาทหนีไม่ได้ระบุชื่อตัวตนว่าชื่ออะไร จึงไม่สามารถที่จะดำเนินการแจ้งความฟ้องร้อง และไม่เข้าข่ายความผิด แต่เมียลุงคูณกับลูกสาวก็ยังติดใจว่าผู้ที่นำเสนอข่าวผิด ทำให้ได้รับความเสียหายโดยมีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปเผยแพร่ออกสื่อและโฆษณาให้คนอื่นเชื่อ พนักงานสอบสวนได้อธิบายทำความเข้าใจหลายครั้งว่าความผิดมันไม่ชัดเจนโดยเนื้อข่าวไม่ได้ระบุว่าเมียนายคูณชื่ออะไรระบุแต่เพียงว่า “เมีย” มันกว้างไปไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ อดีตเมียลุงคูณและลูกสาวก็ยืนยันว่ามีความผิด คิดว่ามีความผิดจะแจ้งความและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พนักงานสอบสวนได้บอกว่า ถ้าจะแจ้งความดำเนินคดีก็จะทำเรื่องสั่งไม่ฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวนเพราะไม่มีมูลเหตุความผิดที่ชัดเจน จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
อดีตเมียหลวงคูณยืนยันว่าไม่ได้เอาเงิน 50,000 บาทหนีไป ซึ่งขณะอยู่กินด้วยกันลุงคูณมีเงินอยู่ 50,000 บาทจริง และลุงคูณได้ให้ใช้ 10,000 บาท และได้พาลุงคูณไปทำธุระเกี่ยวกับเรื่องค่าซื้อรถและต่อทะเบียน เงินที่เหลือบางส่วนลุงคูณก็ได้เก็บไว้ใช้เอง ลุงคูณก็ยืนยันว่าเมียไม่ได้นำเงิน 50,000 บาทของตนหนีไปและตนเองได้ให้เงิน 10,000 บาทให้กับภรรยาเพราะเป็นสามีภรรยากันไว้ใช้ส่วนตัว
ต่อมาลุงคูณทราบว่าภรรยาไปแจ้งความที่โรงพัก ได้ให้ลูกพาไปฟังอดีตเมียเข้าแจ้งความด้วยตัวเอง และยืนยันว่าเมียไม่ได้นำเงิน 50,000 บาทไปแต่อย่างใด ซึ่งการนำเสนอข่าวนักข่าวนำข้อมูลไปเขียนเอง หลังจากที่แยกทางกันก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านอดีตเมียลุงคูณได้เดินเข้ามาหาลุงคูณและพูดคุยด้วย ขณะที่อดีตเมียลุงคูณเห็นลุงคูณนั่งอยู่ทางด้านหน้าสภ.ได้เดินเข้ามาพูดคุยและทักทายและได้สอบถามถึงอาการที่เป็นอยู่ ขอให้ดูแลตัวเองและรักษาตัวเองให้หาย หากสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวิญญาณมาแผ้วพานให้พาไปหาหมอที่มีวิชาเก่งๆช่วยเหลือ และทั้งสองพูดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เมียลุงคูณก็บอกว่าฉันไม่ได้เอาเงินไปใช่ไหม ลุงคูณได้ยินน้ำเสียงอดีตเมียเข้ามาพูดคุย จึงใช้มือทั้งสองข้างควานหาจับลำตัวและแขน และบอกว่าไม่ได้เอาเงิน 50,000 บาทไปอยู่กินด้วยกันก็ให้ใช้ 10,000 บาทแค่นั้นเองทำไมถึงไปเขียนข่าวว่าเอาเงิน 50,000 บาทหนีไป อดีตเมียลุงคูณกล่าวต่อหน้าลุงคูณว่าฉันดีใจที่ลุงพูดว่าฉันไม่ได้เอาเงินจำนวน 50,000 บาทนั้นไป ซึ่งทั้งสองพูดตรงกันและเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนหลังจากที่แยกทางกันมาจนเกิดเรื่องขึ้น เมียลุงคูณบอกว่าจะปรึกษากับลูกจะหาทนายมาช่วย และมีความคิดว่าจะไปออกรายการโหนกระแสเพื่อตีแผร่ความจริง เพื่อให้สังคมได้รู้ว่าตนเองบริสุทธิ์ไม่ได้นำเงิน 50,000 บาทหนีไป
Discussion about this post