เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 25 ธ.ค.66 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย น.ส. ภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์ น.ส.อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกพรรค นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิต นายทะเบียนพรรค น.ส.กฤษยากร สรชัย กรรมการบริหารพรรค และนายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ อดีตที่ปรึกษากฎหมายฝ่ายค้านอิสระ ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.ศรีสะเกษ เดินทางเข้าสักการะศาลหลักเมืองศรีสะเกษ เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสเดินทางลงพื้นที่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมพี่น้องชาวศรีสะเกษ รวมถึงมาพบปะนักการเมืองท้องถิ่น อดีต สว. อดีต ส.ส. ในพื้นที่ อีกด้วย และมาร่วมงานเปิดสำนักงานกฎหมายของ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ซึ่งในช่วงต้นปี 2568 นี้ ก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ เนื่องจากในวันที่ 20 ธ.ค. 2567 จะหมดวาระนายก อบจ.ศรีสะเกษ และสมาชิกสภา อบจ.ทั้งหมดเช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้ นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ จะเป็นว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.ศรีสะ เกษ ก็น่าจะทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงในจังหวัดศรีสะเกษ มากขึ้น

ในโอกาสปีใหม่ 2567 นี้ ก็ขออวยพรให้คนไทยทุกคน มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ ในการที่จะเดินหน้ากิจการรุ่งเรือง แต่ทุกอย่างจะเป็นไปได้ต้องมีรัฐบาลที่มีองค์ความรู้ มีความสามารถ ซึ่งที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน ก็บริหารงานในประเทศมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เท่าที่ดูแล้ว ยังไม่ค่อยเข้าท่าเท่าใดนัก เนื่อง จากว่าบริหารประเทศไม่เป็น การทำนโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมา ก็เห็นว่าพยา ยามจะทำลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน ลดค่ารถไฟ ฟ้า และก็พยายามจะทำหลายอย่างด้วยกัน ให้เป็นไปตามนโยบาย แต่ก็ทำได้ระยะสั้นๆ เนื่อง จากว่า อย่างเช่นลดค่าไฟฟ้า ก็ลดได้ ประมาณ 3-4 เดือน เพราะว่าก็ต้องลดรายได้ประเทศไทย หรือว่าลดรายได้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพราะฉะนั้นช่วงเดือน ม.ค. 67 นี้ ก็อาจจะเพิ่มขึ้นแล้ว เนื่องจากว่ายังหาเงินไม่ได้
นอกจากนี้การลดภาษีน้ำมันเบนซิน ดีเซล ก็ลดได้แค่ชั่วคราว เนื่องจากหาเงินไม่ได้ เพราะว่า การลดก็คือการลดรายได้ของรัฐ อย่างเช่นการลดค่าไฟฟ้า ลดค่ารถไฟฟ้าของคนกรุง เทพฯ ตลอดสาย 20 บาท ก็ขาดทุนวันละ 7.4 ล้านบาท ปีหนึ่ง ก็ 2 พันกว่าล้านบาท ก็ยังหาเงินมาดูแลตรงจุดนี้ไม่ได้ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สำหรับคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ก็ถูกประชาชนด่า จนถอยไม่เป็นท่า ซึ่งเท่าที่ดูแล้วรัฐบาลเศรษฐา ยังหาเงินเข้าประ เทศไม่ได้ แล้วการเดินทางไปที่ต่างประเทศหลายๆจุด เท่าที่เช็คดู ยังไม่มีเม็ดเงินเข้ามาในการลงทุนในประเทศไทยเลย
เท่าที่ทราบได้ไปเจราจรกับ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2566 ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนยกเลิกการมาเที่ยวประเทศไทยกว่า 8,600 เที่ยวบิน นักท่องเที่ยวก็หายไปเยอะ วงเงินก็น่าจะหายไปประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท ด้วยกัน เนื่องจากว่าเราไปเจราจรที่จะยก เลิกซื้อเรือดำน้ำเขา แต่ตอนนี้ปากีสถาน เขาให้จีนเป็นคนต่อเรือดำน้ำให้ โดยใช้เครื่องยนต์ของจีน CHD 620 ด้วยกัน ซึ่งต้องเข้าใจด้วยว่า เรายังติดเงินเรือดำน้ำลำแรกเขาอยู่ประมาณ 4-5 พันล้านบาท แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเม็ดเงินที่จะนำมาลงทุนในประเทศ เม็ดเงินนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศปีละ 12-15 ล้านคน มันเทียบกันไม่ได้เลย ก็บ่งบอกถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ความไม่เข้าใจการเมืองระหว่างประเทศ แล้วก็ นายเศรษฐา ยังใหม่กับเรื่องนี้ เป็นนายกฯก็จริง แต่ยังบริหารประเทศไม่ได้ ยังหาเงินไม่เป็น ก็จะทำประชาชนเดือนร้อน อันนี้คือสิ่งที่อยากให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ปรับตัวใหม่ ในช่วง ปี 2567 นี้
นอกจากนี้ในปี 2567 นี้ ระเบียบ กรมราชทัณฑ์ ที่กระทรวงยุติธรรม ได้ประกาศใหม่ว่า ให้นัก โทษสามารถไปกักขังที่บ้านได้ ที่อื่นได้ ก็อยากให้รีบดำเนินการ เป็นไปตามระเบียบกรมราช ทัณฑ์ โดยนำร่องโดย อดีตนักโทษชาย ทักษิณ ออกมาเป็นรายแรกเลย เพราะยังมีนักโทษที่อยู่ในเรือนจำอีก 2 แสนกว่าคน อยากได้อานิสงส์ระเบียบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอดีนายกทัก ษิณ ทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้เช่นกัน เขาจะได้ประหยัดค่าข้าวในเรือนจำ ให้ไปกักขังที่บ้านกันให้หมด เพราะตนก็อยากเชิญชวนพี่น้องที่มีญาติเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำทั้ง 2.6 แสนคน 2.6 แสนครอบครัว ถ้าอดีตนายกรัฐมนตรีทำได้ ทุกครอบครัวก็ต้องทำได้เหมือนกัน เป็นการทำกฎ หมายให้ไม่เลือกปฏิบัติ อันนี้คือสิ่งที่อยากจะฝากไว้ ก็คิดว่าปีหน้า นายกเศรษฐา จะมีองค์ความรู้ที่ดีกว่านี้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ กระท่อนกระแท่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ควรพิจจารณาตัวเอง.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน
Discussion about this post