จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6 โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า “#เรื่องจากกลุ่ม โทรศัพท์อยู่ที่สน. ทำไมถึงหาย #รถประ ชาชนก็แรงเหมือนกันนะเนี่ย เล่าแบบย่อๆ คือผมได้ถูกตำรวจสภ.ปาก…ในจังหวัดนนทบุรี จับไปเพื่อสืบสวน และได้ทำการยึดรถมอเตอร์ไซค์ จำนวนสามคัน ที่ผมซื้อมาเพื่อขายต่อ (มีเอกสารโอนลอยครบถูกต้องทุกคัน) แต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ ผมได้เข้าไปติดต่อขอโทรศัพท์ (iPhone 11) และรถจยย.คืน กลับได้คำตอบว่าโทรศัพท์หายยังหาไม่เจอ เดี๋ยวหาเจอแล้วจะติดต่อกลับมา และได้ทำการคืนกุญแจรถมา
แต่พอผมได้ไปสตาร์ทรถเพื่อที่จะขับกลับบ้าน ปรากฏว่ารถทั้ง 2 คันสตาร์ทไม่ติด ผมจึงได้ทำ การถ่ายคลิปไว้ และได้กลับไปเอารถภายหลัง เพราะรถสตาร์ทไม่ติดไม่สามารถที่จะขับกลับได้ ส่วนเอกสารชุดโอนลอย ทางสน. ได้ทำหาย 2 ชุด และวันที่ผมได้นำรถกลับ ผมได้แวะร้านซ่อมใกล้ๆสน.เพื่อให้ช่างตรวจเช็คว่าเสียที่อะไร สภาพก็คือตามรูปในคลิปวีดีโอที่ผมได้ถ่ายไว้ ไม่ได้เสียจากการจอดนาน แต่เสียเพราะมีคนนำไปใช้งาน ช่างตีราคาค่าซ่อมมาหมื่นกว่าบาท และหลังจากนั้นผมได้พยายามติดตามเรื่องโทรศัพท์ เพื่อที่จะนำโทรศัพท์มาขายและเอาเงินมาซ่อมมอเตอร์ไซค์ไว้ใช้งาน กลับได้คำตอบว่าหาย หาไม่เจอ แล้วผมไม่สามารถทำอะไรได้ ทางสน.ไม่ยอมให้แจ้งความ สุดท้ายต้องขายซากมอเตอร์ไซค์ที่เสียทั้ง 2 คัน ไปในราคา 2,000 – 3,000 บาท #คำถามคือโทรศัพท์อยู่ในสน. กับตำรวจ ทำไมถึงหายได้ รถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่เฉยๆทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ กลับกันรถจอดอยู่ที่บ้านผมยังปลอดภัยซะกว่า“

ล่าสุดวันที่ 5 ม.ค. 67 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกรรชัย ทิพย์รัตน์ อายุ 26 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง คนโพสต์เรื่องราว ได้เดินทางมาร้องเรียน กับทางร้อยเวรและแจ้งความ IPHONE11 สูญหาย
นายกรรชัย ทิพย์รัตน์ อายุ 26 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง คนโพสต์เรื่องราว กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ดเพื่อร้องเรียนเรื่องรถที่เสียหายและเรื่องโทรศัพท์ (iPhone 11) ที่สูญหายไป ซึ่งในวันที่เกิดเหตุทาง ตร.ได้ยึด iPhone 11 ของตนไปตรวจสอบ และยึดรถ จยย.ไป และในวันที่ตนประกันตัวออกมา ตนได้มาทำเรื่องติดต่อขอทรัพย์สินคืน ก็คือโทรศัพท์ (iPhone 11) ของตนสูญหายไป โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกับตนว่ายังหาไม่เจอ และทางเจ้าหน้าที่ก็บอกกับตนว่าถ้าหาเจอจะติดต่อกลับไปหาตน และ รถจยย.ก็มีการเสียหายทั้ง 2 คัน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1พ.ย.66 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทาง สภ.ปากเกร็ด ได้เข้ามาแสดงหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาจับกุมตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการยึดรถคือเป็นรถตู้ทึบที่ทางตำรวจอ้างว่าเป็นรถของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ และมีจยย.จำนวน 3 คันซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับตนว่าจะยึดไปตรวจสอบ และนำตัวของตนมาที่ สภ. ปากเกร็ด หลังจากที่ได้สอบสวนเสร็จ ตนก็ได้เซ็นเอกสารตรวจยึดรถกระบะตู้ทึบไว้เป็นของกลาง และรถ จยย. แฟนของตนได้ติดต่อขอคืน ณ ขนะนั้น ทางตำรวจแจ้งว่า จะคืนให้ก่อน 1 คันส่วนอีก 2 คันรอตรวจสอบก่อนจึงจะคืนให้ภายหลัง
ส่วน โทรศัพท์(IPHONE11)ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าจะเก็บไว้ให้ทาง สน.พระประแดง หรือ จ.สมุทรปราการ เพื่อเขาจะเอาไว้เป็นของกลาง แต่ไม่ได้ลงไว้ในเอกสารว่าเก็บเอาไว้ตรวจยึดให้เป็นของกลาง พอได้ส่งตัวฝากขังเรียนร้อย ตนได้ประกันตัวออกมา วันที่ 8 พ.ย.66 ตนได้มาติดต่อขอทรัพย์สินคืน คือรถจยย. 2 คันที่ยังไม่ได้คืน และโทรศัพท์(IPHONE11) 1 เครื่อง ซึ่งได้คืนมาแค่ รถ จยย. 2 คันได้มีการคืนกุญแจ และถ่ายรูปไว้ว่าตนได้รับรถเรียบร้อยแล้ว และคืนเอกสารเล่มเขียวมา และเอกสารการโอนลอยของทั้ง 3 คัน ได้หายไป 2 คัน เหลือชุดโอนลอยแค่ 1 ชุดเท่านั้น และตนก็ได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ไปว่า ชุดโอนลอยหายไป ทางตำรวจก็แจ้งมาว่าเดี๋ยวจะดูให้อีกที และจะติดต่อมาพร้อมกับคืนโทรศัพท์
หลังจากนั้นตนก็ได้ไปที่รถ จยย. พอตนลองไปสตาร์ทเครื่องรถจยย.เพื่อจะขี่รถกลับบ้านก็พบว่ารถทั้ง 2 คันสตาร์ทไม่ติด ตนจึงได้ถ่ายคลิปไว้ก่อน คือ ณ จุดที่หน้า สภ.ปากเกร็ดที่ทางตำรวจได้จอดรถไว้ เพราะว่าจะได้แสดงถึงว่าตนไม่ได้เคลื่อนย้ายรถไปไหน ซึ่งตนไม่ได้ทำอะไรกับรถแน่นอน และตนก็ได้กลับบ้านไปก่อนหลังจากนั้น 3 วัน ตนได้เดินทางกลับมาเอารถใหม่เพราะว่าในวันแรกที่ตนมาเอา ตนนั่งแท็กซี่มาจึงไม่สามารถเอารถ จยย.กลับบ้านได้เพราะว่า รถ จยย.ที่ตนคิดว่าจะขับกลับนั้นสตาร์ทไม่ติด จึงให้น้องมาช่วยตนเอารถ จยย.กลับ ในระหว่างทางที่กลับตนจึงแวะเข้าไปที่ร้านซ่อมรถ จยย. ที่ใกล้ สภ. ปากเกร็ดที่สุดเพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์ว่ามีตรงไหนเสียหายและเสียหายเพราะอะไร
ส่วนในเรื่องโทรศัพท์ (IPHONE11) ผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ตนก็ได้โทรติดต่อ สอบถามเป็นระยะอาจจะโทรแค่วันที่เขาเข้าเวรวันละ 1-2 ครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบแบบเดิมคือยังหาไม่เจอ และตอนหลังทางตำรวจก็ได้บล็อกเบอร์ติดต่อของตนไป ตนก็เลยต้องมาติดตามที่ สภ.ปากเกร็ดเอง และตนก็จะแจ้งความว่าโทรศัพท์ (IPHONE11) ของตนสูญหายเพื่อที่จะเอาเอกสารไปติดตามโทรศัพท์ เพราะว่าในนั้นมีหลักฐานในการสู้คดีของตนด้วย ในครั้งแรกที่ตนได้ติดต่อแจ้งความ ทางร้อยเวรก็ได้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นที่ยึดโทรศัพท์(IPHONE11) และรถ จยย.ไปให้กลับเข้ามาคุยกับตนทันที่แต่ก็ได้คำตอบเดิมกลับไปก่อนเดี๋ยวเจอติดต่อไป ตนก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมกลับบ้านไป จนตนคิดว่าอาจจะไม่ได้คืนแล้ว และตนก็ไม่อาจเรียกร้องหรือทำอะไรได้ ตนจึงส่งเรื่องร้องสื่อไป
ทางร.ต.ท.สุรชัย สายชลนิรันทร์ ร้อยเวร สภ. ปากเกร็ด ได้นัดนายกรรชัย ทิพย์รัตน์ อายุ 26 ปี ผู้ที่โพสเรื่องราว(ผู้เสียหาย) ให้มาสอบปากคำอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง.
Discussion about this post