
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่อำเภอบางเลนผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการประสานงานจากนางนิตยา ย่า อายุ 60 ปี และน.ส.กสิกรณ์ อายุ 18 ปี หลาน ว่าตนเองได้โอนชื่อบ้านพร้อมที่ดินให้ลูกชายแล้วนำไปกู้เงินสินเชื่อเป็นเงินประมาณ 5 แสนกว่าบาทหลับมีปากเสียงกันว่าจะไม่ส่งค่าผ่อนที่ดินเกรงบ้านจะถูกยึดจะไม่มีที่อยู่จึงได้ไปแจ้งไว้เป็นหลักฐานที่สภ.บางเลน
ว่านางนิตยาได้มาสถานีตำรวจเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 07.27 น.แจ้งว่า ผู้แจ้งมีบ้านอยู่หลายหลัง และมาซื้อที่ดินปลูกสร้างบ้านแต่ได้รับแจ้งจากปลัดอำเภอบางเลน แจ้งว่าจะขอปลูกบ้านเลขที่ใหม่ จะให้ผู้แจ้งมีชื่อเป็นเจ้าบ้าน 2 หลังไม่ได้ ผู้แจ้งจึงให้นายสานนท บุตรชายเป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ผู้แจ้งยกบ้านพร้อมที่ดินให้นายสานนท์ พร้อมจดทะเบียนสิทธิ์เก็บกินตลอดชีพของผู้ทรงสิทธิเก็บกิบกิน เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2567ได้ยกเลิกสิทธิเก็บกินเพื่อเอาที่ดินไปจำนอง เมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 นายสานนท์ฯเอาที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนอง และนำเงินมา แต่นายสานนท์ฯ ไม่ส่งเงินที่จำนองมาผู้แจ้งจึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อไปใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกที่ดินคืนจากนายสานท์ฯ ต่อไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับน.ส.กสิกรณ์ หลานสาว ย่านิตยาและเป็นลูกสาวของนาย สานนท์ พ่อได้บอกว่าพ่อเขาได้กลับมารอบนี้เขาได้บอกย่าว่าเดี๋ยวจะกลับมาดูแลจนบั้นปลายสุดท้ายของย่าพูดว่าแม่เดี๋ยวแม่ยกที่ให้หนูนะยกบ้านให้หนูนะเดี๋ยวหนูจะทําบ้านและดูแลแม่เองอะไรแบบนี้ย่าก็เลยได้ไปเซ็นที่ยกบ้านและที่ดินให้ที่กรมที่ดิน
จากนั้นพ่อก็เอาบ้านไปเข้าจํานองเป็นจํานวนเงิน556,000บาทพอยกให้เซ็นชื่อโอนที่ดินเสร็จพ่อก็ไปเงินไชโยเลยไปจํานองบ้านเลยจากนั้นก็ได้เงินมาจํานวน5แสนกว่าบาทก็ได้มาทําบ้านโดยประมาณ130,000บาทพอทําบ้านเสร็จอะไรเสร็จพ่อก็ซื้อรถ1คันเป็นกระบะประมาณแสนแปดแล้ว
จากนั้นก็พ่อกับย่าได้มีปากเสียงกันแล้วพ่อก็มาว่าย่าอะไรแบบนี้แล้วก็เก็บของหนีออกจากบ้านไปเลยระยะเวลาที่ผ่านมาตอนที่พ่อทะเลาะกับย่าเนี่ยพ่อก็ยังส่งอยู่แต่พอมาเดือนตุลาที่จะถึงเนี่ยวันที่สิบห้าพ่อบอกว่ากูจะไม่ส่งแล้วกูจะไปเมืองนอกพวกมึงก็หาที่นอนวัดกันเอาเองแล้วกันกูก็จะไม่ส่งกูจะไปเมืองนอกแล้ว
จากวันที่ได้เงินมาก็ส่งมาตลอดส่งมาตลอดจนเดือนตุลาคมที่15นี้เขาได้มาพูดข่มขู่ไว้ว่าจะไม่ส่งเขาจะไปเมืองนอกแล้ววันที่21 ตอนเย็นเขาส่งมา6เดือนแล้วจนเข้าเดือนตุลาคมนี้เป็นงวดที่7 ส่งเดือนละ7,780 บาทประมาณ 80 งวด 15 ปี ย่าเขาก็ด้วยความเชื่อใจไว้วางใจลูกหวังว่าบั้นปลายสุดท้ายจะได้อยู่กับลูกเขาเองก็ทํามาหากินไม่ได้,พิการตอนนี้ก็ทําอาชีพขายของก็ได้วันละเจ็ดแปดร้อยไม่พอส่งบ้านหรอกก็คืออยากได้ที่คืนย่าก็อยากจะขอเรียกร้องความเป็นธรรมขอความเห็นใจอยากให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านและที่ดินผืนนี้เป็นชื่อย่าเหมือนเดิมขอใช้สิทธิ์ย่าเหมือนเดิมแต่หนูก็ไม่อยากได้อะไรจากย่าแต่รับเลี้ยงดูย่าไปอย่างนี้
อันนี้เป็นใบแจ้งความแล้วก็เป็นโฉนดของที่ดินของย่าตอนนี้หนูอยากให้พ่อมาเซ็นคืนที่และบ้านให้ย่าขอใช้สิทธิ์ย่าคืนแล้วส่วนหนี้สินที่เหลือขอให้พ่อเป็นคนรับผิดชอบเพราะว่าหนูไม่มีกําลังทรัพย์ที่จะไปส่งตรงนั้นขอใช้สิทธิ์ตรงนี้ขอความเป็นธรรมแล้วก็ขอความเห็นใจหน่อยค่ะเพราะว่าย่าก็พิการหนูต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวอายุแค่ 18 ปีดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างซึ่งหนูไม่มีกําลังที่จะไปรับผิดชอบหนี้สินที่เหลือตรงนั้น
ทางด้านนาง.นิตยา บอกอีกว่า ลูกมันทิ้งฉันมานานปีกว่ากว่ามันกลับมามันก็มาหลอกลวงแม่บอกว่าให้แม่ยกบ้านในที่ดินให้หนูเหอะจะหนูจะรับเลี้ยงแม่จนแก่จนเฒ่าจนตายพอแม่ก็เชื่อว่าบั้นปลายสุดท้ายตัวเองก็พิการด้วยบั้นปลายสุดท้ายก็เลยยกบ้านและที่ดินให้ลูกแล้วลูกได้เอาไปเข้าจํานองได้เงินทางแม่ก็ไปร่วมเข้ากู้ด้วยเลยได้จํานวนเงินมา500,000กว่าบาทก็เลยได้เอามารีเวทบ้านหน่อยนึงจํานวนเงินแสนสามที่เหลือเขาก็ไปซื้อรถหนึ่งคันแม่ไม่เคยได้ใช้เงินตรงนี้ได้ทีห้าร้อยทีละพันนานนานได้ทีหนึ่งจู่จู่ก็มีเรื่องทะเลาะกันไปเขาบอกเขาข่มขู่แม่ว่าจะไม่ส่งบ้านให้ไปหาที่อยู่วัดกันได้เลยจะขอเรียกใช้สิทธิ์คืนเรียกใช้สิทธิ์เดิมคืนจะเพิกถอนสิทธิ์ของเขาออกขอวอนช่วยด้วยเอาบ้านคืนกับที่ดินคืน
Discussion about this post