
กรณีนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงและบิดาของนายนิติ ปลั่งศรีสกุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด( อบจ.) ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทีมทนายความ เดินทางเข้าพบผู้ตรวจการเลือกตั้งและหัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวน สำนักงาน กกต.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแจ้งพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นของดารานักแสดงตลกรายหนึ่ง โดยสำเนาภาพถ่ายเฟซบุ๊กของดาราดังกล่าวแสดงเป็นหลักฐาน เป็นผู้นำเข้าข้อความเท็จหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก พร้อมเอกสารประกอบการร้องเรียนจากนั้นได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทกับดารานักแสดงรายดังกล่าว ภายหลังกล่าวหาว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นพ.ศ. 2562 มาตรา 65 (5) ด้วยการนำข้อความเท็จหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ช่องทางเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อที่ปรากฎตามเอกสารที่อ้างถึง
ความคืบหน้าวันที่ 29 มกราคม นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิงก่อนบ่าย ดารานักแสดงตลกชื่อดัง อดีตผู้สมัคร สส.เขต 1 จ. ประจวบคีรีขันธ์ ในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้าพบนายธนะชัย ขวัญเดช หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ กกต.ตามที่มีผู้ร้องเรียน ส่วนตัวยืนยันว่าไม่หนักใจ เนื่องจากมีการโพสต์ข้อความในลักษณะคำถามว่าถ้ามีการปิดจริงจะเป็นอย่างไร สำหรับการโพสต์แต่ละครั้งก็มีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง แต่ตนโพสต์ในมุมมองของกองเชียร์สโมสรฟุตบอลทีม พีที ประจวบ เอฟซี ขณะที่ตนทำหน้าที่ประธานเชียร์ทีมนี้ตั้งแต่ในอดีต เมื่อมีคนมาพูดว่าต่อไปจะไม่ได้ใช้สนามสามอ่าวแล้วก็ต้องออกมาเคลื่อนไหว
คิง ก่อนบ่าย กล่าวว่า กรณีที่จะนำตัวบุคคลไปยืนยันคำพูดของผู้ร้องในการให้ข้อมูลกับ กกต.และพนักงานสอบสวน เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าออกมาเป็นพยาน สำหรับข้อความที่โพสต์ตนเป็นผู้พิมพ์ด้วยตนเองจากใจ มีการตั้งเป็นประโยคคำถาม หรือ พิมพ์ว่าถ้าเป็นจริงก็น่าตกใจ และส่วนตัวไม่ได้เชื่อน้องที่เล่าให้ฟัง จึงต้องตั้งเป็นคำถาม และพร้อมจะลบโพสต์ในเฟซบุ๊กที่ชื่อ “ ณภัทร คิงก่อนบ่าย ชุ่มจิตตรี” ตามที่ผู้ร้องขอให้เยียวยาในเบื้องต้น ซึ่งหากทำให้ไม่สบายใจ เข้าใจผิดหรือมีผลกระทบในหาเสียงก็ยินดีที่จะลบเพื่อให้สบายใจว่าตนไม่มีเจตนาทำร้ายใคร ส่วนการลบโพสต์แล้วจะมีรถทัวร์มาลงก็เป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่เข้ามาในเส้นทางทางการเมืองก็เจอบ่อย
“ การโพสต์แต่ละครั้งก็ทำให้มีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งผู้ที่เห็นด้วยและมีความเห็นแตกต่าง นอกจากนั้นขอเรียนว่าการโพสต์เรื่องสนามกีฬาไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่เกี่ยวกับการเมืองระดับชาติ ไม่เกี่ยวกับผู้สมัครนายก อบจ.รายใด ขณะที่ตนยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สำหรับการโพสต์ยอมรับว่ามาจากเลือดของการทำหน้าที่แฟนบอลในฐานะตนมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการไปทั่ว ส่วนการทำความเข้าใจกับผู้ถูกร้องก็ยินดี เนื่องจากรู้จักกันตั้งแต่ผู้ร้องช่วยลูกชายหาเสียงช่วงที่ลงสมัคร สส. ในปี 2566 หากคิดว่าสิ่งที่ผมทำแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งนยันว่ายินดีไปขอโทษลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ”
“แต่ต้องบอกว่าเจตนาว่าโพสต์ด้วยเลือดของคนที่รักทีม พีที ประจวบ เอฟซี หากใครมารังแกก็คงไม่ยอม ส่วนเรื่องของคดีอาญาในคดีหมิ่นประมาทก็อยู่ที่ผู้ร้อง อะไรที่ยอมกันได้ก็ยินดีไม่ต้องภาระให้ศาล เพราะเจตนาในการโพสต์คือการปกป้องสโมสร ส่วนที่มองว่าการโพสต์อาจมีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง อบจ.ไปห้ามความคิดบุคคลอื่นไม่ได้ แต่ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไมได้สมัคร ไม่ได้เป็นหัวคะแนนให้ใคร ขณะที่ผู้สมัครนายก อบจ.หรือ ประธานสโมสร พีทีฯไม่ได้โทรมาคุย “
เมื่อถามว่าครอบครัวหนักใจหลังการโพสต์หรือไม่ เพราะมีรถทัวร์มาลง คิง ก่อนบ่าย กล่าวว่า คนอื่นด่าไม่น่าหนักใจ แต่โดนบิดาตำหนิ ซึ่งบอกว่าได้ทำไปแล้วและต้องยอมรับผลของการกระทำ ทั้งนี้ประเด็นที่เกิดขึ้นต้องขอโทษแฟนคลับของทุกฝ่ายที่รู้สึกว่าการโพสต์มีข้อความที่ทำให้ได้รับผลกระทบ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจก็เชื่อว่าคนของใคร ใครก็รัก แต่การโพสต์ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ที่ทำไปเพราะเป็นการปกป้องสโมสร พีที อย่างแท้จริง หากผู้ร้องพร้อมจะคุยตนก็พร้อมคุย และเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีผลกระทบกับการรับงานในวงการบันเทิง
สำหรับข้อความในโพสต์ระบุว่า “กองเชียร์ประจวบเอฟซี เอาไงดี เราจะไม่ได้ใช้สนามสามอ่าวสเตเดี้ยมแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า แฟนคลับท่านหนึ่งไปฟังปราศรัยของผู้สมัครท่านหนึ่งมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองประจวบ พ่อของผู้สมัครพูดว่า ถ้าลูกชายชนะเลือกตั้ง จะปิดสนามสามอ่าว ไม่ให้ใช้แข่งฟุตบอล ถ้าเป็นจริงอย่างที่แฟนคลับเล่าให้ฟัง ก็น่าตกใจนะครับ ตกใจในเรื่องของวิสัยทัศน์ กระบวนการความคิด รู้หรือไม่ครับ สโมสรพีทีประจวบ เอฟซี ก่อตั้งมากี่ปี และมาอยู่ในลีคสูงสุดของประเทศกี่ปี สนามกีฬากลางจังหวัดประจวบฯ ถูกพัฒนามาได้มาตรฐานอันดับต้นๆของประเทศ เมื่อเทียบกับสนามกีฬากลางของจังหวัดอื่นๆ พี่ที่ประจวบเอฟซี มีสนามหญ้าที่ได้มาตรฐานอันดับต้นๆของไทยลีค ขนาดยังไม่ได้เป็น ก็จะปิดโน่น ปิดนี่ ละ ทำไมไม่สนับสนุนกีฬา การท่องเที่ยว ทำให้เมืองประจวบครึกครื้น ไม่เงียบ สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวหล่ะ”
////