จากกรณีนางสาวมุกดา กาใจใส่ อายุ 33 ปีแม่ของด.ช.ปวริศ เรืองสิริสวุรณ หรือน้องนิว วัย 6 ขวบซึ่งป่วยเป็นมะเร็งต่อมหมวกไตเส้นประสาทระยะที่ 4 โดยออกมาโพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อขอให้มีคนมาอุดหนุนร้านขายยำที่ตนเปิดขายอยู่เพื่อนำรายได้ไปเป็นค่ารักษาและค่าเดินทางไปหาหมอนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้าน“ตำกะยำ” ม.5 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รศ.วิระศักด์ ฮาดดา นายก อบต.คลองสาม พร้อมด้วย ฝ่ายพัฒนาชุมชน กองสวัสดิการสังคม อบต.คลองสาม ร่วมกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่พมจ.ปทุมธานี ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนางสาวมุกดา กาใจใส อายุ 33 ปี ที่ต้องดูแลบุตรชายคือ ด.ช.ปวริศ เรืองสิริสวุรณ หรือน้องนิว ที่ป่วยด้วยโรงมะเร็งต่อมหมวกไตประสาทระยะที่ 4 รักษาที่รพ.รามาธิบดี พิการทางการมองเห็น ตาบอด 2 ข้าง พร้อมกับมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ครอบครัวของน้องนิวพร้อมกับได้สอบถามอาการของน้องและคุณภาพชีวิตของน้อง
รศ.วิระศักด์ ฮาดดา นายก อบต.คลองสาม กล่าวว่ามาเยี่ยมดูน้องนิวตนเองเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารน้องและได้ให้กำลังใจแก่ครอบครัวของน้องนิว โดยต่อจากนี้ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือ ซึ่งจากการสอบถามแม่ของน้องนิวนั้นทราบว่ามีภาระค่าเช่าบ้าน 5000 บาท ค่าเช่าที่ขายของ 4800 บาท มีภาระค่าใช้จ่ายค่ายาค่าเดินทางไปพบแพทย์ 5 วันต่อครั้ง จึงได้ประสานกับทาง พมจ.ปทุมธานีทำเรื่องช่วยเงินฉุกเฉิน 3000 บาท และส่งเรื่องขอรับความช่วยเหลือเข้าคณะกรรมการกองทุนคุ้มครองเด็กให้อีก 10,000 บาท ส่งเรื่องขอรับความช่วยเหลือจากเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี และประสานโรงเรียนผู้พิการเพื่อเข้ารับการศึกษา
ทั้งนี้ทางแม่ของน้องเขาแจงว่ามีความประสงค์จะไม่ขอรับเงินบริจาคแต่อย่างหากใครอยากจะช่วยน้องก็มาอุดหนุนส้มตำและยำที่ร้านได้โดยตนเองจะประสานกับพรรคพวกเพื่อหาออเดอร์ให้กับร้านเพื่อที่แม่ของน้องนิวมีค่าพาน้องไปรักษาต่อไป
ด้าน นางสาวมุกดา กาใจใส่ กล่าวว่าขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้กับน้องในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งตนอยากจะขอแจ้งผู้ที่มีจิตใจเมตตากับน้องอีกครั้งว่าตนไม่ขอเปิดรับบริจาคแต่อย่างใดเพียงแค่อยากจะให้มาอุดหนุนร้านยำเพื่อที่จะมีรายได้นำน้องไปรักษาเท่านั้น โดยเมื่อเช้านี้มียอดเงินเข้ามาจำนวนหนึ่งคนรู้สึกตกใจมาก ซึ่งหากใครที่โอนเงินเข้ามาเพื่อเหมายำตนอันนี้ตนยินดีแต่ถ้าโอนมาเฉยๆตนขอไม่รับ
Discussion about this post