
วันที่ 8 ก.พ.2568 กรณีชาวเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ชายแดนติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก พากันออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ประเทศไทยยกเลิกมาตรการงดส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงไปให้กับประเทศเมียนมานั้น พบว่าที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไม่มีการเคลื่อนไหวของมวลชนแต่อย่างใด แต่กลับมาเป็นคาราวานรถยนต์และจักรยานยนต์ จาก จ.ท่าขี้เหล็ก พากันทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาสและนำรถที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 มายังฝั่งไทยอย่างล้นหลาม เพื่อหวังจะไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีเติมน้ำมันหรือปั๊มต่างๆ ในฝั่ง อ.แม่สาย ทำให้มีรถติดอย่างน้อย 1-2 กิโลเมตร
การทะลักเข้ามาของรถยนต์และจักรยานยนต์จาก จ.ท่าขี้เหล็ก ดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากข่าวลือว่าอาจจะมีการปิดด่านพรมแดนระหว่างไทย-เมียนมา ในเร็วๆ นี้ ซึ่งแม้จะไม่มีกระแสหรือมูลความจริงแต่ก็ทำให้ผู้คนเกิดภาวะตื่นกลัวและพากันมาเติมน้ำมันเชื้อเพลิงในฝั่งไทยดังกล่าว และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากมาตรการงดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปจำหน่ายให้กับประเทศเมียนมาผ่านทาง อ.แม่สาย,อ.แม่สอด และบ้านเจดียห์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ทำให้คลังน้ำมันสำรองใน จ.ท่าขี้เหล็ก เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านยังมีรถยนต์และจักรยานยนต์ที่ไม่มีทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่สามารถข้ามด่านพรมแดนมายังฝั่งไทยได้ ทำให้ยิ่งมีความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่สูงขึ้น ท่ามกลางการเข้มงวดของปั๊มน้ำมันต่างๆ ที่ไม่อนุญาตให้ซื้อบรรจุถังนอกรถเพื่อนำกลับประเทศเมียนมา
ด้านรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงของเอกชนหลายรายพากันไปจอดตามจุดพักรถพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย หลายสิบคัน บางคันเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา และไม่สามารถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงกลับไปได้ จึงต้องจอดรอจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องมาตรการของรัฐบาลและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยพากันไปจอดตรงหน้าด่านพรมแดนตรงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 และที่จุดพักรถของกรมทางหลวงบนถนนพหลโยธิน ต.โป่งผา อ.แม่สาย เป็นจำนวนมาก.