
ความคืบหน้าคดี “นายเอกชาติ หรือ “เอ็ม เอกชาติ” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังสายแต่งรถ ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ล่าสุด วันที่ 28 มีนาคม 2568 ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “ตำรวจไซเบอร์” ได้ควบคุมตัวนายเอ็ม พร้อมบุคคลใกล้ชิดรวม 6 ราย ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง โดยขณะคุมตัวขึ้นรถควบคุม นักข่าวพยายามสอบถามว่านายเอ็มถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ จากกรณีก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวเคยอ้างความบริสุทธิ์ว่าทำมาหากินสุจริตด้วยอาชีพสวนทุเรียน แม้จบแค่ ป.6 แต่เป็นเสาหลักของครอบครัว ทว่านายเอ็มกลับนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ พร้อมสีหน้าเรียบเฉย
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของการขยายผลสู่การจับกุมมาจากคลิปทำร้ายร่างกาย “แบงค์ เลสเตอร์” ที่ถูกจ้างดื่มเหล้าหมดแบนจนเสียชีวิตในงานเลี้ยง ซึ่งนายเอ็มมีชื่อพัวพันในงานดังกล่าว ต่อมาพบพฤติกรรมแปะลิงก์เว็บพนันในเพจของตัวเอง เมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบเส้นทางการเงินที่โยงกับเครือข่ายฟอกเงินของกลุ่ม “อั้ม ” และ “แยม ” รวมถึงคดีฟอกเงินอีกหลายคดี
จากการสืบสวนพบว่า “เอ็ม เอกชาติ” มีเส้นทางเงินจากเว็บพนันโอนผ่านบัญชีม้าจำนวนมาก ก่อนเข้าสู่บัญชีของ “คนรับใช้” ซึ่งได้รับเงินเดือนเพียง 15,000 บาทต่อเดือน แต่กลับมีเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งภายหลังเงินดังกล่าวถูกแปรสภาพเป็นทรัพย์สินหรู เช่น รถยนต์หรู, มอเตอร์ไซค์แต่งซิ่ง, เครื่องประดับ, กระเป๋าแบรนด์เนม รวมถึงอสังหาริมทรัพย์
ในการตรวจค้นบ้านพักที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดทรัพย์สินรวม 120 รายการ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท อาทิ
• รถยนต์ Porsche Panamera 4
• รถยนต์หรูอีกหลายคัน
• รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งกว่า 16 คัน
• กระเป๋าแบรนด์เนม, เครื่องประดับ, พระเครื่อง
• เงินสดเกือบ 1.5 ล้านบาท
• สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารสำคัญอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังพบทรัพย์สินบางส่วนที่ไม่ปรากฏในทะเบียน เช่น บ้านหรือรถที่จดทะเบียนในชื่อบุคคลอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลเพื่ออายัดเพิ่มเติม
ผบช.สอท. ยืนยันว่า นายเอ็ม ไม่ใช่เพียงผู้เกี่ยวข้องโดยบังเอิญ แต่เป็น “ผู้รับผลประโยชน์โดยตรง” จากเว็บพนัน และมีพฤติกรรมฟอกเงินอย่างเป็นขบวนการ โดยในแต่ละชุดบัญชีจะมีซิมโทรศัพท์ บัญชีธนาคาร และโทรศัพท์มือถือที่ใช้รับเงินผิดกฎหมาย ก่อนนำไปซื้อทรัพย์สินซุกซ่อนแหล่งที่มาให้ดูเหมือนถูกกฎหมาย
จากการสอบสวนนายเอ็มให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่าทรัพย์สินเป็นของตนเอง แต่ไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาชัดเจน และปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังพบหลักฐานจำนวนมากเชื่อมโยงกับขบวนการ โดยเฉพาะการใช้บัญชีผู้อื่นรับเงินแทน ซึ่งเข้าข่ายฟอกเงิน โดยเตือนว่า หากบุคคลใดรับฝากทรัพย์สินหรือช่วยซุกซ่อนทรัพย์ที่เกี่ยวกับเว็บพนัน อาจถูกดำเนินคดีร่วมในฐานฟอกเงินด้วย
ตำรวจไซเบอร์ยังอยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบว่า ขบวนการนี้มีการฟอกเงินจากอาชญากรรมรูปแบบอื่นนอกเหนือจากเว็บพนันหรือไม่ และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างถึงที่สุด
Discussion about this post