
นครพนม – ค่ำคืนแห่งความหวัง! เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 18.30 น. นายบุญสา ราศรี วัย 51 ปี พร้อมลูกชายวัย 19 ปี และเพื่อนแรงงานอีก 4 ชีวิต ได้เดินทางกลับถึงบ้านเกิดที่บ้านคำสว่างน้อย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความตื้นตันของครอบครัวและญาติพี่น้องที่รอคอยการกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ พิธีผูกข้อมือเรียกขวัญถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามประเพณีอีสาน เพื่อต้อนรับผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ตึกถล่มสะเทือนขวัญ
นายบุญสา ในฐานะช่างติดตั้งสปริงเกอร์ ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เปิดเผยนาทีชีวิตที่ยังคงติดตาตรึงใจว่า “หลังพักเที่ยง เราเริ่มเตรียมงานที่ชั้น 5 จู่ๆ ผมรู้สึกวิงเวียน และเห็นเศษปูนร่วงจากเพดาน ผมรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตะโกนบอกเพื่อนๆ อีก 16 คนให้รีบหนีออกจากตึก” วินาทีต่อมา ตึกทั้งหลังก็ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา พวกเขารอดตายราวปาฏิหาริย์ แต่เพื่อนร่วมงานอีก 3 คนกลับหนีไม่ทัน
“เราออกมาได้ 13 คน แต่บุญรอด โอทาตะวงศ์ และกิตติพรจากอุดรธานีหนีไม่ทัน พวกเขาเสียชีวิตแล้ว ส่วนจักรกฤษณ์ ศิลารักษ์ยังสูญหาย ผมภาวนาให้เขาปลอดภัย” นายบุญสากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เกี่ยวกับข่าวลือเรื่องจำนวนแรงงานที่มากถึง 20 คน นายบุญสายืนยันว่า “เราไปกันแค่ 16 คน เป็นคนคำสว่าง 14 คน อุดรธานี 1 คน และสกลนคร 1 คน ไม่ได้มี 20 คนตามข่าว”
เรื่องราวของนายบุญสาและเพื่อนแรงงาน เป็นเครื่องเตือนใจถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และความสำคัญของการมีสติในทุกสถานการณ์
ข่าว/ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุลผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดนครพนมโทร084-934075-0