
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาเข้ามาในเขตพื้นที่ อำเภอทองผาภูมิ โดยการใช้รถยนต์กระบะคอกเป็นพาหนะมาจากทางด้าน อำเภอสังขละบุรีด้วยการใช้เส้นทางถนนสาย 323 มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ นายกฤษฎา มูลสวัสดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายยงยุทธ แสวงสุข ปลัดอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในท้องที่ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ.ทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่ ตชด.135 ร่วมกันวางแผนออกหาข่าวพร้อมลาดตระเวนไปตามเส้นทางต้องสงสัยที่คาดว่าผู้กระทำผิดจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหลีกจุดตรวจ
โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนนำกำลังเข้าซุ่มโป่งที่บริเวณทางแยกเข้าบ้านเกริงกระเวีย ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จนกระทั่งเวลา 03.30 น.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะคอกยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก ตอนเดียว สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน กาญจนบุรี กระบะท้ายปิดคลุมด้วยผ้าใบอย่างมิดชิด ลักษณะตรงตามท่ได้รับแจ้งจากสาย ขับมาจากทางด้าน อำเภอสังขละบุรี เมื่อมาถึงจุดซุ่มโป่ง เจ้าหน้าที่แสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอมพร้อมกับเร่งเครื่องหลบหนีไปตามถนนสาย 323 มุ่งหน้าไปทางอำเภอทองผาภูมิอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่นำโดยนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิจึงนำรถไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งถึงพื้นที่บ้านอู่ล่อง หมู่ 4 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ คนขับได้เลี้ยวเข้าไปทางป่าเขาเรดาร์ จากนั้นคนขับได้ชะลอความเร็วแล้วจอดเอาไว้ริมทางแล้วเปิดประตูกระโดดลงจากรถด้วยการอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีลงจากเขาเจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งไล่ตามแต่ไม่ทันเนื่องจากเป็นทางลาดชันและเป็นช่วงเวลากลางคืน
ทั้งนี้จากการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะคันดังกล่าวพบมีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งชายหญิงรวมถึงเด็กที่เป็นลูกของแรงงานยืนแออัดอยู่กระบะท้ายที่มีผ้าใบปกคลุมมาเต็มคันรถ รวม จำนวน 44 คน โดยกลุ่มแรงงานไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงสอบปากคำในเบื้องต้นผ่านล่าม จากการสอบถามพบว่าแรงงานจำนวนดังกล่าวไม่มีเอสารการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่แม้แต่รายเดียว
ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาให้การผ่านล่ามว่า พวกตนเป็นชาวพม่า มาจากหลายเมือง เช่นเมืองพญาตองซู เมาะละแหม่ง และเมืองเมาะลำไย โดยเดินทางมารวมตัวกันที่อำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา จากนั้นมีชาวเมียนมา นำพาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู เมื่อข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งไทยได้ มีคนมารับเป็นช่วงๆ ทั้งขึ้นรถยนต์ รวมทั้งลงเรือ เพื่อหลบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งมาถึงบ้านเกริงกระเวีย ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ ก็มีคนขับรถมารับอีกทอดหนึ่งเพื่อนำพาไปส่งที่จุดนัดหมายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เมื่อไปถึงจุดนัดหมายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี จะมีคนนำรถมารับอีกครั้งหนึ่ง โดยแรงงานทุกคนมีจุดหมายปลายทางคือใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าผู้นำพาเป็นเงินคนละ 75,000-76,000 บาท ระหว่างเดินทางเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนคนขับทิ้งรถหลบหนีไปได้
หลังจากกลุ่มผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และจากการตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนั้น พบว่ามีการนำป้ายทะเบียนปลอมมาติดปิดทับป้ายทะเบียนจริงเอาไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลแล้วว่าผู้ครอบครองรถยนต์กระบะที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเป็นใคร ซึ่งจะได้เรียกผู้ครอบครองรถมาสอบปากคำเพิ่มเติม หากพบเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
///////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์