
วันนี้ (14 มิถุนายน 2568) ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่าหลังจากมีฝนตกประมาณ 30 นาทีในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีน้ำเสียสีดำคล้ำ มีกลิ่นเน่าเหม็น จากท่อน้ำทิ้งขนาดใหญ่บริเวณสันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯถูกปล่อยลงชายหาดโดยไม่ผ่านการบำบัดหลายจุด ตั้งแต่รั้งกองบิน 5ถึงสถานีสูบที่ 2 ห่างจากศาลากลางจังหวัดประจวบฯ ประมาณ 200 เมตร โดยเฉพาะในจุดด้านหน้าทะเลที่ถนนคนเดินถนนวีรกรรมเลียบชายทะเลใกล้สะพานสราญวิถีแลนมาร์คการท่องเที่ยวชื่อดัง มีน้ำเสียสีดำคล้ำมีกลิ่นเหม็นไหลลงทะเลอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันหยุดราชการยังไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานใดสนใจไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหา
จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำภาคประชาชน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน วันที่ 11 เมษายน วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 หลังจากมีฝนตกนานกว่า 20 นาที มีน้ำเสียถูกปล่อยลงทะเลในลักษณะเดียวกัน แต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าเทศบาลได้จัดงบ 2 ล้าน 2 แสนบาท ทำโครงการประตูบานเลื่อนแบบมือหมุนจำนวน 6 จุดที่สันเขื่อนกันคลื่น หรือที่ชาวบ้านขนานนามว่า “ประติมากรรมประตูคลองไส้ไก่”ซึ่งเป็นการนำบานประตูที่ใช้ปิดเปิดน้ำจืดในระบบชลประทาน ไปใช้แก้ปัญหาน้ำเสียที่ชายหาดเป็นแห่งแรกของประเทศ แต่หลังจากตรวจรับงานเรียบร้อยแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ปัจจุบันยังมีน้ำเสียไหลลงทะเลทุกจุดที่มีการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่าสันเขื่อน ทรัพย์สินของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 2548 แต่ยังไม่เคยส่งมอบให้เป็นทรัพย์สินของเทศบาลเมืองประจวบฯ
สำหรับประตูบานเลื่อนดังกล่าวเทศบาลเมืองประจวบฯอ้างว่าทำตามคำสั่งศาลปกครอง ภายหลังเทศบาลเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าศาลปกครองสั่งให้มีการซ่อมบานสวิง เพื่อปิดกั้นน้ำทะเลเข้ามาระบบ นอกจากนั้นคำสั่งศาลแจ้งให้งดท่อน้ำเสียตั้งแต่เดือนมิถุนยายน ถึงเดือนพฤศจิกายน แต่พบว่าเทศบาลเมืองประจวบฯฝ่าฝืนคำสั่งศาลเปิดท่อในเดือนเมษายน และพฤษภาคม โดยนำหลักฐานไปแจ้งลงบันทึกประจำวันแจ้งให้นายวัชรพล ปลั่งศรีสกุลทนายความผู้รับมอบอำนาจดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้ศาลปกครองทำการเรียกไต่สวนจากกรณีที่เทศบาลเมืองประจวบฯ ฝ่าฝืนคำสั่ง ทำให้มีการปล่อยน้ำเสียลงบนชายหาด และ มีการแจ้งร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องกระทำการฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ
จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำภาคประชาชน กล่าวว่า เมื่อปี 2565 ตนได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง จ.เพชรบุรี กรณีมีการปล่อยน้ำเสียลงหาดโดยน้ำไม่ไหลไปถึงบ่อบำบัดน้ำเสีย และมีการตรวจวัดคุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่าน้ำทะเลที่อ่าประจวบฯมีค่าเกินมาตรฐาน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองประจสวบฯกับเทศบาลเมืองประจวบฯตามมาตรา 119 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2568 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองประจวบฯในข้อหาเดิม
แต่ได้รับแจ้งจากหัวหน้าสำนักงานเจ้าท่าฯ ระบุว่า คดีที่แจ้งความไว้เมื่อปี 2565 ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในชั้นพนักงานสอบสวน โดยสำนักงานเจ้าท่าได้ทำหนังสือ ทวงถามหลายครั้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำเสียหลังจากมีการยื่นฟ้องต่อศาล มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ครั้ง เพื่อเร่งรัดในการแก้ไขปัญหา แต่หลังจากศาลปกครองเพชรบุรีมีคำพิพากษาเมื่อเดือนกันยายน 2566 ถึงปัจจุบันไม่ปรากฎว่ามีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเรียกประชุม
ด้าน นางรัชนีวรรณ พรมเล็ก ปลัดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ระบุว่าเทศบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ปัญหาเกิดจากระบบนี้สร้างมานาน 25 ปี มีท่อน้ำฝนปนกับท่อน้ำเสีย บ้านเมืองเจริญน้ำเสียมีปริมาณเพิ่มขึ้น ปัจจุบันระบบรองรับน้ำได้ 8,000 ลูกบาศก์กเมตร แต่จะมีปัญหาช่วงฝนตกทำให้น้ำฝนปนกับน้ำเสีย ที่ผ่านมามีการลอกท่อเป็นประจำทุกปี เพื่อให้น้ำเสียไปบ่อบำบัดน้ำเร็วขึ้นและในอนาคตจะมีการขอสนุบสนุนงบเพื่อปรับปรุงระบบ////
//// ภาพข่าวประจวบคีรีขันธ์ / สุรยุทธ ยงชัยยุทธ 081 4366247