
เศร้ารับอรุณเมื่อช่วงเช้าได้มีอุบัติเหตุสยองขวัญรับอรุณบนถนนเพชรเกษม พื้นที่ท่าน่า อำเภอนครชัยศรี มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองนครปฐม เมื่อกระบะเสียหลักข้ามเกาะกลางพุ่งชนอีกคันที่สวนมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ตำรวจเร่งติดตามญาติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสและเร่งติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง ซึ่งอุบัติ้เหตุดังกล่าวทำให้การจราจรติดขัดนานกว่า 2 ชั่วโทงการจราจรออกจากกรุงเทพติดหางแถวยาวนับสิบกิโลเมตรซึ่งตำรวจได้เร่งระบายการจราจรให้เคลื่อนตัวแล้ว
เมื่อเวลา ประมาฯ 07.00 นหนูวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ร.ต.ท. ภพภิสักก์ เดชะนนท์พันธ์ รอง สว.สอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งมีเหตุรถชนกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เหตุเกิดที่ถนนเพชรเกษมหมู่ 4 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐมจึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
ในที่เกิดเหตุเป็นฝั่งขาเข้านครปฐมบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ ท่าตำหนัก พบรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน ชย 3808 กทม.ถูกชนพังยับขวางถนน ผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 รายเป็นผู้ขับขี่ติดภายในซากรถ เจ้าที่ยังใช้อุปกรณ์ตัดทางนำร่างออกมาส่งต่อโรงพยาบาลนครปฐมแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 รายนั่งข้างรถอาการสาหัสจึงนำส่งโรงพยาบาลนครชัยศรี
ส่วนที่กลางถนนมีรถกระบะโตโยต้าสีดำ 4 ประตูหมายเลขทะเบียน ชม 3521 กทม. สภาพหน้ารถพังยับมีผู้เสียชีวิตติดอยู่หน้ารถจำนวน 2 รายเจ้าที่จึงใช้อุปกรณ์ตัดทางนำร่างออกมาเบื้องต้นผู้ขับขี่เป็นชายอายุประมาณ 35 – 40 ปีไม่พบเอกสารติดตัวมีโทรศัพท์ 1 เครื่องส่วนคนนั่งข้างเป็นชายชื่อ นายภัคพล ตระกูลชัยศรี อายุ 18 ปี จึงมอบศพให้มูลนิธิส่งเสริมสูตรที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด
สอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์ชื่อนายบุญมี โชคมงคล อายุ 63 ปี พ่อค้าส้มโอฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุเล่าว่าการนั่งอยู่หน้าร้านเห็นรถกระบะ 4 ประตูคันสีดำขับมาจากนครปฐมมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯมาด้วยความเร็วและอยู่ดีๆได้เสียก็ปีนเกาะกลางพุ่งข้ามฝั่งไปชนกับรถอีกคันที่วิ่งสวนมา เบื้องต้นพนักงานสอบสวนบันทึกภาพเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุและได้ประสานหาภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อจะสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดำเนินการตามคดีต่อไป โดยขณะนี้ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บที่เหลือยังไม่ทราบชื่อซึ่งจะได้มีการติดตามญาติมารับทราบข้อมูลต่อไป
ทั้งนี้จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เกิดการจราจรติดขัดสะสมบริเวณถนนเพชรเกษมฝั่งมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองนครปฐมระยะทางหลาย 10 กิโลเมตรซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งระบายการจราจรกว่า 2 ชั่วโมงจึงเริ่มให้รถสามารถเคลื่อนตัวออกซึ่งขณะนี้การจราจรเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
Discussion about this post